กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA)

ผลตอบแทนตลาดหุ้น: MSCI India Index (USD) ในเดือนธ.ค. 17 เพิ่มขึ้น 4.9% จากเม็ดเงินของสถาบันในประเทศ เช่นกองทุนรวม สถาบันการเงิน +1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ -740 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

GDP: อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ผ่านมาระดับ 6.3% ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 5.7% เหตุจากภาคการผลิตที่เติบโตถึง 7.0% ขณะที่ภาคการก่อสร้างและภาคเกษตรเติบโตระดับ 2.6% และ 1.7% ตามลำดับ

ทุนสำรองระหว่างประเทศ: เพิ่มขึ้นสูงสุดแตะระดับ 409 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนธ.ค. ทำให้เงินรูปีแข็งค่าประมาณ 1% เทียบดอลลาร์สหรัฐฯ

เงินเฟ้ออินเดีย: เพิ่มขึ้นเป็น 4.9% ในเดือนพ.ย.2017 สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.4% (เหตุจากราคาอาหารประเภทผักที่สูงขึ้นจากเดือนต.ค.ถึง 22.5%) แต่ยังอยู่ในกรอบของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) 3.0-5.0%

น้ำมัน: ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 66 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 2 ปี เริ่มส่งผลกระทบ เนื่องจากอินเดียนำเข้าสินค้าปิโตรเลียมจากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 80% ของความต้องการใช้สินค้าปิโตรเลียมทั้งหมด

ยอดขายรถ: ยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์เพิ่มขึ้น 50% YoY ยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 12-15% YoY ยอดขายรถแทรกเตอร์เพิ่มขึ้น 30% YoY

การเมือง: พรรค BJP ของนายกโมดิ ครองเสียงข้างมากในสภาท้องถิ่นด้วยจำนวนที่นั่ง 99 จากทั้งหมด 182 ที่นั่งในการเลือกตั้งของรัฐ Gujarat แต่ลดลงจากครั้งก่อนที่เคยได้ 115 ที่นั่ง ความนิยมที่ลดลงเนื่องจากรัฐบาลดำเนินนโยบายปฏิรูป เช่น การยกเลิกธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี และการเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บภาษีเป็น Good and Services Tax (GST) ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอลงในไตรมาส 3Q2017

 

มุมมองตลาดหุ้นอินเดีย กับ Manish Gunwani, CIO, Equity Investments, Reliance Mutual Fund

ตลาดหุ้นอินเดียจะเป็นภาวะกระทิงต่อไปอีกหรือไม่ หากหุ้นเป็นขาขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า อะไรคือปัจจัยสนับสนุน

ภาวะกระทิงต่อไปอีก 3 ปี โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) อินเดียในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาตามเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นประกอบกับผลกระทบจากมาตรการภาษี และการยกเลิกการใช้ธนบัตร (Demonetization) 500 และ 1,000 รูปี เริ่มจางหาย

ขณะที่เงินลงทุนภาครัฐที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก่อนการเลือกตั้งในปี 2019 ที่กำลังคืบคลานเข้ามา และการฟื้นตัวจากตัวเลขการเติบโตที่เคยอยู่ในระดับต่ำของภาคส่งออกและการลงทุนของเอกชน ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในปีนี้

ผลตอบแทนหุ้นอินเดียในปี 2018 มีทิศทางอย่างไร 

ปัจจุบันตลาดหุ้นสะท้อนมุมมองด้านบวกของผลประกอบการบริษัทแล้ว คาดผลตอบแทนจะไม่ร้อนแรงเท่าปีที่ผ่านมา

ปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศที่ต้องติดตามสำหรับผู้ที่ลงทุนหุ้นอินเดีย

  1. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักของโลก (สหรัฐฯและยุโรป) หากสะดุด หรืออัตราเงินเฟ้ออินเดียเร่งตัวเกินคาดจากราคาน้ำมันดิบและราคาอาหาร
  2. การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจจีนที่หันมาเน้นการบริโภคในประเทศแทนการลงทุนหากเสียการทรงตัวอาจกระทบอินเดียได้เนื่องจากเป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญ
  3. การก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีด้าน Automation และ AI ที่เน้น Software และ Engineer อาจทำให้แรงงานราคาดีๆต้นทุนต่ำในภาคการผลิตซึ่งเป็นจุดแข็งของอินเดียด้อยค่าลงได้

ปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นอินเดียครึ่งปีแรก 2018 (1H2018)

“การถือครองหุ้นและกองทุนรวมหุ้นของคนอินเดียที่ระดับต่ำเพียง 4% ของ GDP มีสัญญาณเร่งตัวส่งผลบวกต่อเม็ดเงินลงทุน (Positive inflow) จากนักลงทุนในประเทศ”

ปัจจัยบวก

(+) อัตราการถือครองหุ้นของคนอินเดียอยู่ระดับต่ำเพียง 4% เทียบกับโลกที่ 32% มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น โดยในปี 2016 การเติบโตของการออมในสินทรัพย์ทางการเงิน (หุ้น กองทุนรวมหุ้น เงินฝาก) ของคนอินเดียเติบโต 13% ต่อปี เทียบสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (ทองคำ อสังหาฯ) ที่เติบโต 3% ต่อปี แสดงให้เห็นว่าเทรนด์การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินมีทิศทางเร่งตัวหลังการพัฒนาระบบรับชำระและส่งเงินแบบใหม่ (Aadhaar) ที่ใช้ข้อมูล Biometric ร่วมกับเลขประจำตัวประชาชน

(+) ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศใกล้เคียงและสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทั้งที่เพิ่งผ่านการบังคับใช้ภาษีสินค้าใหม่ (GST) มาได้เพียงไตรมาสเดียว การสัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทส่วนใหญ่มั่นใจต่อการบริโภคในชนบท เนื่องจากพบการสั่งซื้อสินค้าประเภทพลังงานและวัสดุก่อสร้างเพิ่มต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) มีปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ปัจจัยลบ

(-) หุ้นอาจมีการขายทำกำไร (Correction) จากกระแสการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 2019 เนื่องจากการเมืองปัจจัยสำคัญของตลาดหุ้นอินเดีย

(-) ราคาน้ำมันดิบแตะระดับ 66 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 2 ปี หากสูงขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและนโยบายการเงินในโหมดผ่อนคลาย ณ ปัจจุบัน เนื่องจากอินเดียนำเข้าสินค้าประเภทน้ำมันดิบคิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของสินค้านำเข้า

ที่มา: Reliance Asset Management (Singapore) Pte. Ltd, เดือนมกราคม 2018 และ www.businessworld.in