กองทุนบัวหลวงแนะนำรับมือ ‘โควิด-19’ มองเป็นจังหวะดีที่จะทยอยลงทุนเพื่อเป้าหมายในระยะยาว

กองทุนบัวหลวงแนะนำรับมือ ‘โควิด-19’ มองเป็นจังหวะดีที่จะทยอยลงทุนเพื่อเป้าหมายในระยะยาว

กองทุนบัวหลวง มองช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในลักษณะการทยอยลงทุนอย่างระมัดระวัง หลังตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไปมากและราคาหุ้นหลายกลุ่มอุตสาหกรรมลงมาอยู่ในระดับที่น่าลงทุน  ขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากทำได้ดี และเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดก็จะฟื้นตัวได้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดในอดีตที่ผ่านมา

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า ในช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาว เพียงแต่ผู้ลงทุนต้องอาศัยความอดทนที่มากขึ้น เนื่องจากตลาดการลงทุนยังมีความผันผวนสูงได้ ทั้งปรับตัวขึ้นลงตามกระแสข่าว หรืออารมณ์ความรู้สึก ขณะที่การฟื้นตัวของตลาดอาจไม่ใช่ลักษณะ V shaped  ดังนั้น ขอแนะนำให้ผู้ลงทุน เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในลักษณะการทยอยลงทุนอย่างระมัดระวัง

“หากการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำได้ดีขึ้นแล้ว และภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ในช่วงนี้จะเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุนในระยะยาว ดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา ที่เคยมีสถานการณ์โรคระบาด ทั้งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เมื่อการควบคุมโรคระบาดทำได้ดีขึ้น เช่น อัตราการเพิ่มขึ้นของคนติดเชื้อลดลง หรือมียารักษา วัคซีน ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมและตลาดหุ้นมีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้” นายพีรพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ กองทุนบัวหลวง มองว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา และราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลายกลุ่มก็ปรับลดลงมามาก จนทำให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ลงมาอยู่ที่ประมาณ 12 เท่า ถือเป็นระดับที่น่าลงทุน เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 15 ปี ซึ่ง P/E Ratio อยู่ที่ประมาณ 15 เท่า นอกจากนี้ ผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) ยังสูงประมาณ 4.3% ในปัจจุบัน

เมื่อพิจารณารูปแบบธุรกิจของหลายบริษัทจดทะเบียนและมูลค่าแฟรนไชส์ที่มีอยู่ และบริษัทเหล่านี้ยังมีกระแสเงินสดดี มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้กองทุนบัวหลวง เชื่อมั่นว่า บริษัทในกลุ่มนี้จะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ โดยกลุ่มที่น่าสนใจสำหรับการเพิ่มน้ำหนักลงทุน ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก ขนส่ง อาหาร โรงพยาบาลและโทรคมนาคม เป็นต้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอย่างมาก ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว จากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเนื่องไปยังภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเดือนมีนาคม ที่ระดับความผันผวนของตลาดทวีคูณมากขึ้น หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลงค่อนข้างแรง เมื่อกลุ่มสมาชิกโอเปกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศรัสเซียเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันได้ จนทำให้ตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลกต้องใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ หรือการหยุดซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว เมื่อดัชนีปรับลดลงมาถึงระดับที่กำหนดไว้

สำหรับแนวทางการลงทุนของกองทุนบัวหลวง ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ เราได้เพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดในพอร์ตมากขึ้น พร้อมทั้งได้ลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวขึ้นมามากในปีก่อนไปแล้ว รวมถึงกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และกลุ่มธุรกิจการเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้กิจกรรมการผลิต การบริการ การใช้จ่าย ได้รับผลกระทบในเชิงลบเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ เราได้หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงอยู่

**ข้อมูล ณ วันที่ 20 มีนาคม 2563**    

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน