Asset Allocation จำเป็นแค่ไหน

Asset Allocation จำเป็นแค่ไหน

โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน

BF Knowledge Center

การจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท หรือ Asset Allocation เป็นการกระจายความเสี่ยงและจัดสรรสัดส่วนการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายผลตอบแทนของแต่ละคน ปัจจุบันผู้มีเงินออมจำนวนมากได้ทำ Asset Allocation กันอยู่แล้ว แต่อาจไม่รู้ตัว

ตัวอย่างเช่น เก็บเงินไว้ที่ธนาคาร ซื้อหุ้นกู้ ซื้อกองทุนรวม ซื้อทองคำ หรือแม้แต่เล่นหุ้นเอง การแบ่งเงินไปฝาก/ ลงทุนที่หลากหลาย ก็นับว่าเป็น Asset Allocation อยู่แล้ว แต่ผู้ลงทุนควรพิจารณาว่า Asset Allocation ที่มีอยู่นั้นเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของตนเองหรือไม่

ทั้งนี้ เวลาดูทรัพย์สินลงทุน เราไม่ควรดูแค่กองทุนรวม หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อย่างเดียว ควรต้องพิจารณาเงินลงทุนทั้งหมดไปพร้อมๆ กัน แต่ต้องอิงตามเป้าหมายด้วย

  • ทุกคนควรทำ Asset Allocation ใช่หรือไม่?

คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หากเป็นเงินเก็บเพื่อเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน เก็บในออมทรัพย์ หรือกองทุนรวมสภาพคล่อง เสี่ยงต่ำ ก็ไม่ต้องไปกังวลเรื่อง Asset Allocation หรือถ้ามีเงินในธนาคาร ที่ต้องการเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาลูก แล้วใช้บัญชีเงินฝากประจำเก็บเงิน ก็ไม่ต้องไปกังวล Asset Allocation ก็ได้ แต่สำหรับเป้าหมายระยะยาวอย่างเงินออมเพื่อเกษียณ Asset Allocation จะสำคัญมาก 

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเมื่อเป็นเงินออมระยะยาว เราจะเก็บไว้นานๆ บางคนรับความเสี่ยงได้มาก บางคนรับความเสี่ยงได้น้อย บางคนต้องการผลตอบแทนมาก บางคนต้องการผลตอบแทนน้อย

สำหรับบางคนตอนเริ่มต้น รับความเสี่ยงได้สูง ลงทุนในหุ้นมากหน่อย มีเงินฝากธนาคารไม่มาก เพราะได้ผลตอบแทน้อยไม่ถูกใจ แต่พอนานๆ ไปแล้ว อายุมากขึ้น รับความเสี่ยงได้น้อยลง เริ่มกลัวขาดทุนเยอะตอนอายุมากแล้ว ก็ต้องลดการลงทุนในหุ้น มาฝากธนาคาร ซื้อสลากออมสิน ซื้อพันธบัตร เก็บเงินไว้ในกองตราสารหนี้ สิ่งนี้ก็คือการปรับ Asset Allocation นั่นเอง

  • แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า Asset Allocation ที่เหมาะกับเราเป็นแบบไหน?

ส่วนมากก็ใช้หลักระยะเวลาลงทุน อายุ เป็นตัวกำหนด ได้ยินกันบ่อยๆ อายุน้อยเสี่ยงได้มาก มีเวลาลงทุนนานก็ลงกองหุ้นได้เยอะหน่อย บางคนใกล้เกษียณก็ไม่ควรเสี่ยงมากแล้ว เพราะใกล้เวลานำเงินออกมาใช้จ่ายหลังเกษียณแล้ว ดังนั้นไม่ควรลงทุนหุ้นมากไป เน้นเงินฝาก กองทุนตราสารหนี้ หรือพวก REIT กองโครงสร้างพื้นฐานสัดส่วนมากหน่อยจะดีกว่า

ทั้งนี้ หากเราจัดสัดส่วนเงินลงทุนเองไม่ถูก ก็จะมีกองทุนที่จัด Asset Allocation ไว้ให้เราแล้วเป็นทางเลือก ถ้าเราทำเองไม่สะดวก ก็สามารถใช้บริการกองทุนลักษณะนี้ได้