เฮดจ์ฟันด์บูมในจีน

เฮดจ์ฟันด์บูมในจีน

โดย…ทนง ขันทอง

เฮดจ์ฟันด์กำลังบูมในจีน เพราะว่านักลงทุนจีนมีความต้องการที่จะลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น

รายงานของบลูมเบิร์ก เรื่อง Hedge Funds Open by the Thousands in China, Piling Into Stocks เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า อุตสาหกรรมเฮ็ดจ์ฟันด์ของจีนที่ในปัจจุบันนี้มีขนาด 385,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของจีนกำลังมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว

ในเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียว มีเฮดจ์ฟันด์เกิดใหม่ 1,500 กอง โดยในครึ่งปีแรกของปี 2020 นี้ เฮดจ์ฟันด์มีอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยแล้ว 1,217 กองต่อเดือน บริษัทเฮดจ์ฟันด์เชิงปริมาณของจีนมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา 9 กอง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นจีน ซึ่งมีขนาด 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ทำแรลลี่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีพุ่งแตะระดับสูงในรอบ 5 ปี เนื่องจากความมั่นใจว่า จีนมีความสามารถบริหารจัดการควบคุมการระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจของจีนมีการฟื้นตัวก่อนประเทศอื่นๆ ในโลก

รัฐบาลจีนได้มุ่งเน้นส่งเสริมการพัฒนาของตลาดทุน โดยให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสนองความต้องการของนักลงทุนสถาบัน เช่น แบงก์ กองทุนบำนาญ และจะให้บริษัทประกันภัยที่มีกองทุนเข้มแข็งสามารถเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในพอร์ตได้

แม้ว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนในช่วงนี้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าต้องมีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อเลี่ยงไม่ให้ตลาดเกิดสภาวะฟองสบู่เหมือนในปี 2007 และในปี 2015

ตลาดหุ้นของจีนมีการแข่งขันสูง เพื่อที่จะแย่งชิงลูกค้า ผู้จัดการกองทุนใดที่บริหารกองทุนแล้วให้ผลตอบแทนตามหลังคนอื่นจะได้รับแรงกดดันสูง

สำหรับกองทุนส่วนบุคคลในจีน มุ่งเน้นให้บริการแก่สถาบัน และนักลงทุนที่มีคุณภาพเห็นหลัก โดยต้องมีเงินลงุทนอย่างน้อย 1 ล้านหยวน หรือประมาณ 143,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปัจจุบันนี้ จีนมีกองทุนส่วนบุคคล 45,000 กอง โดยมีเม็ดเงินลงทุนรวมกัน 2.7 ล้านล้านหยวน

ในส่วนของอุตสาหกรรมกองทุนรวมจีนแล้วก็มีการเติบโตที่สูงเหมือนกัน โดยมีสามารถดูดเงินลงทุนเข้ามาได้ 770,000 ล้านหยวน ในปีนี้

จีนมีกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นอย่างเดียว 1,262 กอง และกองทุนรวมไฮบริดจำนวน 2,484 กอง โดยมีเม็ดเงินภายใต้การบริหารทั้งหมด 4.2 ล้านล้านหยวน

โดยภาพรวมแล้ว ตลาดหุ้นจีนกำลังกลับมาเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน เนื่องจากรัฐบาลจีนให้การสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุน และการเปิดเสรีทางการเงินอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และระบบการเงินโดยที่จีนจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองมากยิ่งขึ้น

เพราะว่าแนวโน้มแล้วสหรัฐฯ มองจีนเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจ และได้ดำเนินนโยบายกีดกันการค้ากับจีน

ตลาดหุ้นเซี่ยงไห้ ตลาดหุ้นเซินเจิ้น และตลาดหุ้นฮ่องกง จึงจะเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญสำหรับบริษัทจีน และเปิดโอกาสให้นักลงทุนจีน รวมถึงต่างประเทศได้เข้าร่วมในการลงทุน