กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE)

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE)

สรุปประเด็นสำคัญ

  • ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กองทุน B-FUTURE ได้จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยในอัตราหน่วยละ 0.25 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 ในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน และคิดเงินปันผลรวมทั้งสิ้นหน่วยละ 0.66 บาท  (จัดตั้งวันที่ 27 กรกฎาคม 2561)
  • B-FUTURE เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมใหม่ รวมถึงการบริโภคที่เปลี่ยนไปในอนาคต ปัจจุบันกองทุนลงทุนใน 2 กองทุน คือ Allianz Global Artificial Intelligence 47.26% และ Fidelity Funds – China Consumer Fund 34.31% และลงทุนตรงในหลักทรัพย์ 13.54%
  • กองทุน Allianz Global Artificial Intelligence : เน้นลงทุนที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกอุตสาหกรรม เพราะเล็งเห็นว่าการใช้ AI ในกระบวนการทำธุรกิจจะทำให้บริษัทนั้นๆ เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ ไตรมาสที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนขายทำกำไรในหุ้นกลุ่ม software เพราะราคาปรับตัวสูงขึ้นมาก และเพิ่มน้ำหนักในบริษัทที่ประยุกต์ใช้ AI ในการผลิตสินค้าและบริการในหลากหลายหมวดอุตสาหกรรม เช่น สุขภาพ ค้าปลีก และการผลิต เป็นต้น
  • กองทุน Fidelity Funds – China Consumer Fund : ภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การบริโภคของจีนสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง การแพร่ระบาดเป็นตัวเร่งให้การบริโภครูปแบบใหม่มีความสำคัญมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจออนไลน์ เช่น เกมส์ ร้านค้าออนไลน์ การศึกษาออนไลน์ รวมถึงธุรกิจ e-commerce อีกทั้งการ Work from home ทำให้สินค้าแบรด์จีนมีความสำคัญมากขึ้น การผลิตพึ่งพาแรงงานคนน้อยลง เป็นผลมาจากช่วงที่หยุดการผลิตเมื่อต้นปี อาจกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตของจีนมีการพัฒนาไปอีกขั้นซึ่งจะทำให้มีความได้เปรียบในอนาคต

กลยุทธ์การลงทุนและมุมมองของผู้จัดการกองทุน

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE)  เน้นลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศของบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการบริโภคในอนาคต ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และหรือนวัตกรรมใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์  ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับแนวโน้มการบริโภค การดำเนินธุรกิจ และเศรษฐกิจในอนาคต

ปัจจุบัน กองทุน B-FUTURE ลงทุนในกองทุนต่างประเทศ 2 กองทุน ได้แก่ Allianz Global Artificial Intelligence Fund และ Fidelity Funds –China Consumer Fund ซึ่งข้อมูลการลงทุนและมุมมองจากผู้จัดการกองทุนทั้งสองกองทุน มีดังนี้

Allianz Global Artificial Intelligence Fund (ณ มิถุนายน 2563 กองทุน B-FUTURE มีสัดส่วนการลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศนี้ที่ 47.26%)

วัตถุประสงค์: เน้นลงทุนในบริษัทที่มีพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของปัญญาประดิษฐ์ (AI Infrastructure)  แอปพลิเคชัน หรือ software สำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI Application) และธุรกิจที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อพัฒนาด้านการผลิตหรือการให้บริการ (AI-enabled Industries)

มุมมองผู้จัดการกองทุน Allianz Global Artificial Intelligence

  • ตั้งแต่สิ้นไตรมาส 2 หลายประเทศเริ่มเปิดประเทศมากขึ้น ทั้งในฝั่งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน  และตัวเลขทางเศรษฐกิจไตรมาส 2 ในหลายประเทศที่ออกไม่ดีนัก สหรัฐฯ ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ติดลบกว่า9% แต่นักลงทุนยังมีมุมมองเชิงบวกว่าเศรษฐกิจได้ผ่านช่วงต่ำที่สุดในไตรมาสที่ 2 ไปแล้ว ด้านการลงทุนจึงต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากมีความไม่แน่นอนว่าการฟื้นตัวในรอบนี้จะเป็นแบบใด  เช่น V-Shape  W –Shape หรือ รูปแบบอื่นๆ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมโรคระบาดในแต่ละประเทศ
  • กลุ่ม Information Technology เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในวิกฤติครั้งนี้ ตามมาด้วยกลุ่ม Consumer Discretionary และกลุ่ม Health Care ที่ถูกมองว่าได้รับประโยชน์จากการแพร่ระบาด ตลาดให้น้ำหนักไปที่บริษัทที่ได้ประโยชน์จากการ Work from home โดยเฉพาะบริษัทขนาดยักษ์ใหญ่ (Mega-Cap) จึงทำให้หลายบริษัทราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมา จนเป็น all-time high ในช่วงที่ผ่านมา เช่น Amazon Facebook Apple และ Google  เป็นต้น ปัจจัยเสี่ยงสำหรับหุ้นกลุ่มยักษ์ใหญ่ในช่วงนี้อยู่ที่การชี้แจงกับฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ในกรณีเรื่องการผูกขาด หรือ Antitrust Law  แต่ตลาดดูเหมือนว่าจะไม่ให้น้ำหนักเรื่องนี้มากนัก รวมถึงการซื้อประเด็นเรื่องการซื้อกิจการสัญชาติจีนที่ต้องติดตามต่อไป
  • กองทุน Allianz Global Artificial Intelligence เน้นลงทุนที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกอุตสาหกรรม เพราะเล็งเห็นว่าการใช้ AI ในกระบวนการทำธุรกิจจะทำให้บริษัทนั้นๆ เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมสุขภาพ ใช้ AI ในการตรวจวินิจฉัยคนไข้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากอัลกอริทึ่มที่จะตรวจพบโรคก่อนแสดงอาการ หรือ อุตสาหกรรมการผลิตที่ระบุได้ว่าอุปสรรคของการผลิตอยู่ที่ใด มีปัญหาคอขวดที่ไหน เพื่อจะปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ใช้ระบบการชำระเงินด้วย QR Code ในแอปพลิเคชันแบบไม่มีเจ้าหน้าที่แคชเชียร์ ด้วยแนวคิดนี้ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นที่น่าพอใจมาก โดยตั้งแต่ต้นปีถึง 28 กรกฎาคม 2563 กองทุนมีผลการดำเนินงาน 39.52% ในขณะที่ MSCI World Information Technology Index และ MSCI World มีผลตอบแทนที่ 16.15% และ -1.49% ตามลำดับ

สัดส่วนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมของกองทุน Allianz Global Artificial Intelligence

Source: AGI as of 30 June 2020

การปรับพอร์ตในไตรมาสที่ผ่านมา

  • ผู้จัดการกองทุนลดน้ำหนักกลุ่ม Semiconductor ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมและต้นเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบจากการหยุดการผลิตที่จีน และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน Software ตั้งแต่ช่วงนั้น เพราะเห็นว่าน่าจะได้ประโยชน์จากการ Lockdown ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้จัดการกองทุนคาดการณ์ไว้ เพราะในไตรมาส 2 ราคาหุ้นกลุ่ม Software ปรับตัวสูงขึ้น จากการที่คนส่วนใหญ่ Work from home ผู้จัดการกองทุนจึงได้ขายทำกำไรในหุ้นบางตัวที่เห็นว่าราคาปรับขึ้นมาจนถึงระดับที่น่าพอใจแล้ว
  • ผู้จัดการกองทุนเพิ่มน้ำหนัการลงทุนในกลุ่มที่เป็น AI-enabled Industries โดยมีมุมมองบวกอย่างมากต่อบริษัทที่ใช้ AI ในการผลิตสินค้าหรือการให้บริการ เพราะจะทำให้มี Demand ที่ต่อเนื่องและแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดเจนจาก Amazon (กองทุนถือ 4.4%) ที่ได้รับประโยชน์อย่างจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ และ Tesla (กองทุนถือ 4.0%) ที่ใช้เทคโนโยลีขั้นสูงในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

  • อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองว่าราคาหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ (Mega-Cap) เริ่มมี upsideจำกัด จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปที่บริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ (Mid-Cap and Large-Cap) โดยพิจารณาจากแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้นๆ

สัดส่วนบริษัทที่กองทุนลงทุนแยกตามขนาดของบริษัท

Source : AGI as of 30 June 2020

มุมมองต่อจากนี้ ผู้จัดการกองทุนมองว่า ตลาดยังคงมีความผันผวนสูงจากการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทต่างๆ  แต่เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมแล้ว การพัฒนาการรักษาและวินิจฉัยโรคจะทวีความสำคัญมากขึ้น การักษาระยะห่างทางสังคมยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะเป็นวิถีใหม่ของการใช้ชีวิต ดังนั้น แนวคิดของการลงทุนในบริษัทที่ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งบริษัทที่สามารถประยุกต์ใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถเป็นผู้นำของธุรกิจนั้นๆ ซึ่งกองทุนจะเฟ้นหาและลงทุนในบริษัทเหล่านี้ เพื่อผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

Fidelity Funds – China Consumer Fund (ณ มิถุนายน 2563 กองทุน B-FUTURE มีสัดส่วนการลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศนี้ที่ 34.31%)

วัตถุประสงค์: เน้นลงทุนในการหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ของจีน (New China)  เช่น การพัฒนาเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคในจีน เป็นต้น

มุมมองการลงทุนของผู้จัดการกองทุน Fidelity Funds – China Consumer Fund   

  • ตลาดหุ้นจีนในไตรมาสที่ผ่านมาฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาด โดยจีนเป็นประเทศที่ถือว่ามีการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพดีที่สุดประเทศหนึ่ง จีนเริ่มคลาย Lockdown ในไตรมาส 2  ทั้งภาคการผลิตและบริการ อีกทั้งทางการจีนยังเริ่มต้นโครงการอุโมงค์ลอดทะเลสาบในเมืองอู่ฮั่นในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะลดความแออัดในเมือง และยังเป็นการเรียกความเชื่อมั่นหลังจากที่อู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด COVID-19 อีกทั้งตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีน ก็สนับสนุนว่าจีนน่าจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้แล้ว จาก GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 3.2% หลังจากที่ GDP ไตรมาสแรกหดตัว -6.8% ดังนั้นตลาดจึงให้น้ำหนักเชิงบวกกับเศรษฐกิจจีนในระยะต่อจากนี้ ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเป็นเศรษฐกิจที่นำโดยการบริโภคในประเทศซึ่งเป็นแบบวิถีใหม่ มีความได้เปรียบจากการมีประชากรจำนวนมาก ทางการจีนเองก็ให้สัญญาณว่าพร้อมที่จะสนับสนุนธุรกิจและอาจมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบหากจำเป็น รวมถึงการพัฒนาธุรกิจจีนให้มีความโปร่งใส มี ESG และมีธรรมาภิบาลเทียบเท่าในระดับสากลมากขึ้น
  • อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงสำหรับตลาดหุ้นจีนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งกับสหรัฐในแง่สงครามการค้าและบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐ  ประเด็นเรื่องฮ่องกง และประเด็นเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินเดีย ไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ผู้จัดการกองทุนจะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

การปรับพอร์ตในไตรมาสที่ผ่านมา

  • ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กองทุนมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับ Benchmark ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองบวกต่อกลุ่ม Healthcare ของจีน เพราะจีนมีความพยายามอย่างมากในการพัฒนาด้านสาธารณสุขให้ทันสมัย มีการลงทุน R&D และการคิดค้นการรักษาแบบใหม่ๆ เพื่อให้ทัดเทียมกับชาติตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐ ผู้จัดการกองทุนเพิ่มน้ำหนักในกลุ่ม Consumer Discretionary ในช่วงที่ราคาปรับตัวลงเพราะเห็นว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
  • กองทุนลดน้ำหนักในกลุ่มสถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคาร เพราะได้รับผลกระทบเชิงลบจากภาวะเศรษกิจชะลอตัว แต่ยังคงมีมุมมองบวกต่อกลุ่มประกันซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการแพร่ระบาด อีกทั้งผลิตภัณฑ์ประกันในประเทศจีนยังสามารถเติบโตได้อีกมากและจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในการบริหารความมั่งคั่งสำหรับคนจีนด้วย (Wealth Management)

มุมมองในอนาคต ผู้จัดการกองทุนมองว่าภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การบริโภคของจีนสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากประชาชนชาวจีนมีความเชื่อมั่นว่ารัฐจะควบคุมการแพร่ระบาดได้ จึงมั่นใจในการบริโภคมากขึ้น การแพร่ระบาดเป็นตัวเร่งให้การบริโภครูปแบบใหม่มีความสำคัญมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจออนไลน์ เช่น เกมส์ ร้านค้าออนไลน์ การศึกษาออนไลน์ รวมถึงธุรกิจ e-commerce อีกทั้งการ Work from home ทำให้สินค้าแบรด์จีนมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องปรุงรส ธุรกิจจีนมีการพัฒนาการผลิตให้พึ่งพาแรงงานคนน้อยลง เป็นผลมาจากช่วงที่หยุดการผลิตเมื่อต้นปี อาจกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตของจีนมีการพัฒนาไปอีกขั้นซึ่งจะทำให้มีความได้เปรียบในอนาคต หลังจากที่เทคโนโลยีด้านสมาร์ทโฟน และ e-commerce ของจีนได้พัฒนาไปไกลกว่าชาติตะวันตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคของจีนมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีต่อไปในอนาคต

ผลการดำเนินงานกองทุน Fidelity Funds – China Consumer Fund

Source: Fidelity, as of 30 June. Index is MSCI CHINA

สัดส่วนการลงทุนของกองทุน Fidelity Funds – China Consumer Fund

Source: Fidelity, as of 30 June. Index is MSCI CHINA
  • ในส่วนที่เป็นการลงทุนตรงในหลักทรัพย์ ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเชิงบวกกับกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ จีน รวมทั้งชาติอื่นในเอเชีย เช่น เกาหลี ซึ่งจะพิจารณาตั้งแต่บริษัทต้นน้ำจนถึงบริษัทปลายน้ำที่ขายสินค้าและบริการให้ผู้บริโภค เช่น บริษัท R&D ด้านเทคโนโลยี ธุรกิจ Cloud System บริษัทผลิตชิ้นส่วน ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากการเปิดตัว 5G โดยผู้จัดการกองทุนพิจารณาทั้งจากฝั่งสหรัฐและฝั่งเอเชีย นอกจากนี้ผู้จัดการกองทุนยังพิจารณากลุ่มอื่นที่ไม่ใช้กลุ่มเทคโนโลยีด้วย เช่น Delivery Platform ธุรกิจค้าปลีก Sportswear ซึ่งจะพิจารณาลงทุนในบริษัทที่มี Valuation เหมาะสม และเป็นบริษัทที่มีผลประจักษ์ว่ามีความสามารถในการแข่งขันในตลาดนั้นๆ ได้ แม้ในยามวิกฤตก็ยังมี demand ต่อสินค้าและบริการนั้นๆ อย่างแข็งแกร่ง

สัดส่วนการลงทุนของกองทุน B-FUTURE ณ 30 มิถุนายน 2563

ที่มา: BBLAM

ผลการดำเนินงานของกองทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563)

ประวัติการจ่ายเงินปันผลกองทุน B-FUTURE