CIO กองทุนบัวหลวง เผยจุดเด่น B-CHINE-EQ โอกาสการลงทุนหุ้นจีนทั่วโลก

CIO กองทุนบัวหลวง เผยจุดเด่น B-CHINE-EQ โอกาสการลงทุนหุ้นจีนทั่วโลก

ในช่วงที่ผ่านมา เราจะเริ่มเห็นนักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนในหุ้นจีนมากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีความแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 แต่เศรษฐกิจจีนก็ยังสามารถขยายตัวได้อยู่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ  อย่างไรก็ตามนักลงทุนก็มีคำถามตามมาว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ดีจริงหรือไม่ ธุรกิจจีนมีโอกาสการเติบโตได้มากแค่ไหน ราคาหุ้นจีนถือว่าแพงไปแล้วหรือยัง ซึ่ง คุณสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน (CIO) กองทุนบัวหลวง จะมาไขคำตอบเหล่านี้ให้ พร้อมเจาะลึกด้วยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ของกองทุนบัวหลวง มีความแตกต่างไปจากกองทุนหุ้นจีนอื่นๆ อย่างไร ทำไมจึงน่าสนใจ

ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนน่าสนใจ?

  • มี 2 ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจ
  • 1.ภาวะเศรษฐกิจ – เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ดี โดยเติบโตประมาณ 6% ต่อปี ช่วงก่อนโควิด-19 และในช่วงที่มีโควิด-19 แพร่ระบาด จีนก็เป็นไม่กี่ประเทศที่ยังมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ โดยเติบโตได้ 2% ในขณะที่ประเทศอื่นๆ การเติบโตติดลบกันหมด สิ่งนี้ทำให้การบริโภคในประเทศของจีนยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยปกติโตได้เกือบ 10% เลยทีเดียว
  • 2.การใช้อินเทอร์เน็ตในจีน – มีการใช้งานอย่างกว้างขวางมาก เพราะฉะนั้นธุรกิจอี-คอมเมิร์ซจึงเติบโตได้ดี ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีก็เติบโตได้ดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น อิเล็คทรอนิกส์ 5G หรือ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง (IoT) ล้วนเติบโตได้อย่างดี

ราคาหุ้นจีนแพงไปหรือยัง?

  • ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากนับจากต้นปี แต่ถ้าดูระดับราคาแล้ว อัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) อยู่ที่ประมาณ 14 เท่า ซึ่งถือว่าไม่แพง เทียบกับตลาด S&P500 ของสหรัฐฯ ซึ่ง P/E Ratio อยู่ที่ประมาณ 20 เท่า เพราะฉะนั้นในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวนได้ แต่ในระยะยาวยังมีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่ เพราะว่าเศรษฐกิจจีนเติบโตได้ดี รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตยังเติบโตได้ดีอยู่
  • ในแง่ของการลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง เพราะว่าจีนก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูง รวมถึงมีตลาดที่ขนาดใหญ่มากด้วย

กองทุน B-CHINE-EQ แตกต่างจากกองทุนหุ้นจีนอื่นๆ อย่างไร?

  • กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน หรือ B-CHINE-EQ มีความแตกต่างก็คือ ประการแรก มีความยืดหยุ่นในการบริหาร เราลงทุนได้ทั้ง H-Shares หรือบริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง A-Shares หรือบริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นจีน และ ADRs หรือบริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยกตัวอย่าง บริษัทจีนที่ B-CHINE-EQ ถือครองหุ้นเป็นอันดับ 1 ในกองทุน คืออาลีบาบา ซึ่งก็เป็นหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเราลงทุนผ่าน ADRs ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมา เพราะว่าในแง่ของอี-คอมเมิร์ซ เติบโตอย่างมาก รวมถึงการที่บริษัทดังกล่าวอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีด้วย เลยมีความพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างดี
  • ประการที่ 2 ที่ทำให้กองทุน B-CHINE-EQ มีความแตกต่างคือ เราใช้บริการของของอลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ (Allianz Global Investors หรือ AGI) เป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในต่างประเทศ (Outsourced fund manager) ของกองทุน B-CHINE-EQ ซึ่ง AGI เป็นพันธมิตรที่มีปรัชญาการลงทุนที่สอดคล้องกับกองทุนบัวหลวงด้วย คือ เน้นแสวงหาผลตอบแทนในระยะยาวอย่างสม่ำเสมอด้วยการลงทุนอย่างรอบคอบ ไม่เสี่ยงมากจนเกินควร โดย AGI มีการเลือกหลักทรัพย์ที่มั่นใจในการลงทุน และมองขาดในการเลือกหลักทรัพย์ด้วย ทำให้สร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมา
  • ประการที่ 3 คือ ทีมงานของกองทุนบัวหลวง เรามีส่วนหนึ่งไม่เกิน 20% ของ NAV ที่เราลงทุนตรงเอง โดยเราไปศึกษาข้อมูลเชิงลึกของแต่ละบริษัท ทำการประเมินมูลค่า (Valuation) ออกมา แล้วก็คัดเลือกหลักทรัพย์ลงทุน ที่ผ่านมาสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ
  • ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ทำให้กองทุน B-CHINE-EQ น่าสนใจ และมีความแตกต่างจากกองทุนหุ้นจีนอื่น