หัวเว่ยผลักดันไทยให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม 5G ในภูมิภาค

หัวเว่ยผลักดันไทยให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม 5G ในภูมิภาค

โดย… ทนง ขันทอง

หัวเว่ยได้ประกาศว่าจะลงทุนในศูนย์นวัตกรรม 5G ในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านวิจัยและพัฒนาระบบ 5G ในภูมิภาค

สื่อ The Bangkok Post รายงานว่า หัวเว่ยมีแผนที่จะใช้เงินลงทุน 475 ล้านบาท หรือประมาณ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างศูนย์นวัตกรรมเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบ 5G ในไทย ในขณะเดียวกันกำลังทยอยลดแผนการลงทุนในออสเตรเลีย

ไทยจะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับเลือกจากหัวเว่ยให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของระบบ 5G ที่กำลังเริ่มมีการลงทุนอย่างมหาศาลทั้งในจีนและประเทศต่างๆ เพื่อที่จะผลักดันระบบเครือข่ายโมบายไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

เชื่อกันว่าระบบ 5G ของหัวเว่ยเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากที่สุดผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นบุคคล บริษัท ธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือภาครัฐจะได้ประโยชน์อย่างมากในการใช้ 5G ที่มีความเร็วมากกว่าระบบ 4G ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เกือบ 10 เท่า

อย่างไรก็ดี หัวเว่ยเจออุปสรรคในการขยายธุรกิจ 5G โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐฯ และพันธมิตร ที่ได้สั่งแบนการลงทุนของหัวเว่ยในสงครามเทคโนโลยี เนื่องจากสหรัฐฯ เกรงกลัวว่าถ้าหากหัวเว่ยสามารถวางระบบ 5G แล้ว ต่อไปหัวเว่ย หรือบริษัทของจีนจะเป็นผู้วางมาตรฐานของระบบเทคโนโลยีของโลกในด้านเครือข่ายโมบาย

นอกจากสหรัฐฯ แล้ว ประเทศที่มีการแบนหัวเว่ยส่วนมากจะเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศ Five Eyes ที่แชร์กันในเรื่องความมั่นคง

ญี่ปุ่นและอินเดีย ก็มีการแบนอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยเหมือนกัน เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมหาอำนาจในเอเชีย มองจีนเป็นคู่แข่งในอนาคต

เนื่องจากออสเตรเลียมีการแบน 5G ของหัวเว่ย และดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นปฏิปักษ์กับจีนอย่างเปิดเผย หัวเว่ยจึงตัดสินใจยกเลิกการลงทุนในศูนย์วิจัยและพัฒนาในออสเตรเลีย ตามแผนเดิม หัวเว่ยจะลงทุน 72.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการสร้างศูนย์วิจัย แต่คำสั่งแบนหัวเว่ยตั้งแต่ปี 2018 ทำให้หัวเว่ยต้องทยอยยกเลิกการก่อสร้าง หรือการลงทุนในออสเตรเลีย

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ไทยถูกกดดันไม่ให้ใช้ระบบ 5G ของหัวเว่ยมากน้อยเพียงใดจากมหาอำนาจตะวันตก แต่การตัดสินใจของหัวเว่ยที่จะลงทุนสร้างศูนย์นวัตกรรมเพื่อการวิจัยและพัฒนา 5G ในไทยเป็นประเทศแรกในอาเซี่ยน เท่ากับว่า ไทยมีการดำเนินนโยบายที่เป็นกลาง หรือเป็นตัวของตัวเอง หรือไม่เอาตัวเองไปผูกพันกับประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ

สำหรับศูนย์นวัตกรรมเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบ 5G นี้ จะทำหน้าที่วิจัยการใช้ระบบ 5G ในกรณีต่างๆ รวมทั้งจะมีการดึงเอาบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง 100 แห่งในไทยเข้าร่วมโครงการทดลองประสิทธิภาพการใช้ นอกจากนี้ บริษัทสตาร์ทอัพก็จะได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการวิจัยด้วย หลังจากที่ระบบ 5G มีการลงทุนและมีการใช้แพร่หลายมากขึ้นในปีหน้า เชื่อว่าจะช่วยผลักดันความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจต่างๆ ทุกภาคส่วน