ครม.ไฟเขียวร่างกม.คุมตลาดหุ้น-เงินดิจิตอล

ครม.ไฟเขียวร่างกม.คุมตลาดหุ้น-เงินดิจิตอล

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับใหม่ เพราะ พ.ร.บ.ฉบับเก่าล้าสมัยไม่บูรณาการไม่ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และไม่สามารถคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน

โดยปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมครอบคลุมไปถึงการระดมทุนผ่านสกุลเงินดิจิตอลต่างๆ เช่น กรณีบิตคอยน์ และยังปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของของคณะกรรมการการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใหม่ พร้อมทั้งให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (ซีเอ็มดีเอฟ) เพื่อพัฒนากลไกตลาดทุนของประเทศ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวต้องเสนอให้กับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป

สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้ปรับปรุงบทนิยามของการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการเพิ่มประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุน รวมทั้งกำหนดทุนจดทะเบียนชำระแล้วขั้นต่ำ เช่น การกำหนดบทนิยามเพื่อให้กฎหมายยืดหยุ่นครอบคลุมมากขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนการให้บริษัทบางแห่งเข้ามาร่วมในศูนย์ทดสอบและพัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน พร้อมปรับปรุงทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทหลักทรัพย์ใหม่ให้ช่วยสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี (สตาร์ตอัพ) เพราะเดิมได้กำหนดทุนจดทะเบียนไว้สูง

ขณะเดียวกันยังกำหนดให้ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้กรรมการ ผู้บริหาร เลขานุการบริษัท หรือบุคคลใดๆ จัดประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในกรณีบริษัทมีการบริหารกิจการที่อาจทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชน เช่น กรณีของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทะเลาะกันแล้วมายอมจัดประชุมผู้ถือหุ้น บริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงให้ก.ล.ต. มีอำนาจเรียกประชุม รวมทั้งยังให้บริษัทหลักทรัพย์ที่มีหน้าที่ในการจัดการกองทุนรวม ต้องซื่อสัตย์สุจริต รักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งจากนี้ไปก.ล.ต. จะออกกฎระเบียบตามมา

พร้อมกันนี้ ยังกำหนดให้ตลาดหลักทรัพย์ปรับปรุงการกำกับให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมไปถึงการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดทุน โดยให้อำนาจ ก.ล.ต. เปิดให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกสามารถซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนทุกประเภทในตลาดหลักทรัพย์ สามารถเชื่อมโยงตลาดหลักทรัพย์ประเทศอื่น เพื่อส่งเสริมการแข่งขัน และการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพ

อย่างไรก็ตาม ตามตามร่างกฎหมายดังกล่าวยังกำหนดให้ตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน มีสถานะเป็นนิติบุคคลที่เป็นอิสระจากตลาดหลักทรัพย์ ให้มีบทบาทในการพัฒนาตลาดทุนเป็นการเฉพาะ มีทุนประเดิมที่โอนมาจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 5.7 พันล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวมีหน้าที่ในการส่งเสริมและพัฒนาองค์กร บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุน เช่นเดียวกับการเสริมสร้างความรู้กับผู้ลงทุน และสาธารณชน สนับสนุนการศึกษาวิจัย พัฒนากลไกในตลาดทุนเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และสุดท้ายกฎหมายฉบับนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความโปร่งใส โดยก.ล.ต. ต้องจัดทำแผนพัมนาตลาดทุนเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาเป็นประจำทุกปีด้วย