ซีรี่ส์: จีนผู้ชนะ (ตอนที่7)

ซีรี่ส์: จีนผู้ชนะ (ตอนที่7)

จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกในเวลานี้ โดยจีดีพีของจีนอยู่ที่ 12-13 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับสหรัฐอยู่ที่ 19 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ในแง่ของภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ (purchasing power parity) หรือ ประสิทธิผลของเงินที่คำนวณหาระดับการบริโภคสินค้าและบริการในจีน หรือในแต่ละประเทศ โดยใช้ราคาสินค้าและบริการในสหรัฐอเมริกาเป็นฐานในการคำนวณ และแสดงผลในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซื้อแล้ว เศรษฐกิจจีนมีอำนาจซื้อมากที่สุดในโลก โดยภาวะเสมอภาคอำนาจซื้อเทียบเท่า 70 ล้านล้านดอลลาร์ และภาวะอำนาจซื้อของทั้งโลกอยู่ที่ 125 ล้านล้านดอลลาร์

จีนเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก จีนมีการนำเข้าวัตถุดิบมากที่สุดในโลก ก่อนที่จะแปรรูปวัตถุดิบเหล่านั้นเพื่อเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก ปริมาณการส่งออกของจีนใหญ่กว่าทุกประเทศในโลก การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมาช่วยยกระดับการเติบโตของเศรษฐกิจที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิคด้วยกัน ทำให้บริเวณนี้มีจีดีพีรวมกัน 50 ล้านล้านดอลลาร์

จีนส่งออกไปตลาดเอเชียมากกว่าตลาดสหรัฐ ถึงแม้ว่าจีนจะมีอิทธิพลสูงในการค้า แต่เงินที่ใช้ในการค้ากลับเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ

เรื่องนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงถ้าหากว่าจีนต้องการที่จะเลี่ยงความเสี่ยงของเศรษฐกิจภายนอกที่เกิดจากวัฏจักรดอลล่าร์ ด้วยเหตุนี้การสร้างบทบาทหยวนให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

จีนมีความคิดที่จะสร้างเศรษฐกิจจีนให้ใหญ่ที่สุดในโลกในศตวรรษที่ 21 ผ่านการลงทุนใจโครงการเส้นทางสายใหม่ ซึ่งจะทำให้จีนเป็นศูนย์กลางของโลก ผ่านการเชื่อมโยง3ภูมิภาคของโลก คือเอเชีย ยุโรปและแอฟริกาเข้าด้วยกัน

ดังได้กล่าวมาแล้ว ถ้าจีนจะเป็นใหญ่ทางเศรษฐกิจ เงื่อนไขที่สำคัญคือเงินหยวนต้องเป็นเงินสกุลหลักของโลก หรือเงินหยวนต้องปลดแอกจากการเป็นบริวารของเงินดอลล่าร์ให้ได้ ถ้าปลดแอกไม่ได้ เศรษฐกิจจีน หรือระบบการเงินจีนจะตกอยู่ใต้วงจรของนโยบายการเงินของสหรัฐ เมื่อไหร่ก็ตามที่สหรัฐปั๊มเงินหรือเครดิต เศรษฐกิจโลกจะบูม เมื่อไหร่ก็ตามที่สหรัฐดูดเงินกลับ เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยที่เงินดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาไม่มีทรัพย์สินรองรับ หรือหนึ่งดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาสามารถเอาไปเล่นต่อยอดได้อีกหลายเท่าตัวในระบบเครดิต

Alistair MacLeod เขียนบทความอธิบายว่าจีนจะใช้กลยุทธอย่างไรในปลดแอกจากอิทธิพลดอลล่าร์ในบทความชื่อว่า China’s Plan to Subvert the Global Dollar Standard โดยเขาวิเคราะห์ว่า จีนจะไม่ใช้เงินหยวนกระดาษเพื่อมาแทนดอลล่าร์กระดาษ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้นอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลาย 10 ปี หรืออาจจะไม่มีวันที่จะล้มดอลล่าร์ได้ สรุปได้ง่ายๆว่า จีนจะไม่ใช้หยวนมาแทนดอลล่าร์ โดยไม่มีทองคำมาการันตี

จีนสามารถใช้ 2วิธีการในการโน้มน้าวให้ตลาดมีการวิวัฒนาออกจากดอลล่าร์ไปหาทอง หรือไม่ก็ทางรัฐบาลจีนต้องออกมาตรการเพื่อบีบให้ผู้เล่นในตลาดเร่งการยอมรับทองในระบบการเงิน

วิธีการคือ จีนจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้มีการแปลงหยวนเป็นทองคำแท่งในตลาดเซี่ยงไฮ้ได้ ผ่านตลาดรองฟิวเจอร์สของเซี่ยงไฮ้ วิธีการนี้จะทำให้ผู้ส่งออกวัตถุดิบเข้าไปในตลาดจีน สามารถที่จะมีทางเลือกของการได้รับทอง หรืออีกนัยหนึ่งเงินที่น่าเชื่อถือกว่านอกจากจะเลือกรับหยวนหรือดอลล่าร์เหมือนอย่างที่ผ่านมา โดยที่ทางการจีนไม่จำเป็นต้องปล่อยทองออกมาเข้าสู่ตลาด เพราะว่าทองคำสามารถหาได้ในตลาดอยู่แล้ว

ในระยะต่อไป สภาพคล่องของสัญญาฟิวเจอร์สของหยวนจะเพิ่มขึ้น โดยที่เซี่ยงไฮ้เป็นตลาดทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่แล้ว

ปีที่แล้ว ธนาคารกลางของรัสเซียได้ตั้งสำนักงานตัวแทนในกรุงปักกิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นสาขานอกประเทศแรกของธนาคารกลางรัสเซีย จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะร่วมมือกับจีนในการสร้างหยวน หรือรูเบิ้ลให้มีบทบาทมากขึ้นในระบบการเงินโลก โดยที่ทางรัสเซียจะอำนวยความสะดวกในการซับไพลทองให้กับจีน บทบาทของตลาดทองเซี่ยงไฮ้จะเพิ่มขึ้นจากการที่มีการเชื่อมโยงกับมอสโคว เมื่อจีนมีทองมากยิ่งขึ้น ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของหยวนจะมากกว่าดอลล่าร์ เพราะว่าการเทรดทองในตลาด Comex ของสหรัฐไม่ค่อยจะมีการส่งทองคำแท่งจริง ส่วนมากจะตกลงกันเป็นสัญญากระดาษแล้วจ่ายกันเป็นดอลล่าร์

ถ้าทำอย่างนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่เงินหยวนจะผงาดเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง

อีกทางเลือกคือ จีนสามารถที่จะประกาศแผนการที่จะให้หยวนสามารถเปลี่ยนเป็นทองได้ในราคาที่กำหนด พูดง่ายๆ แทนที่หยวนจะอิงค่าตัวเองตามดอลล่าร์ แต่จะมาอิงกับราคาทองคำแทน แต่อัตราหยวนที่จะอิงทองต้องสูงกว่าระดับปัจจุบันมาก ถ้าจีนทำอย่างนี้ เงินหยวน หรือพันธบัตรรัฐบาลจีนที่ออกเป็นหยวนจะมาแทนพันธัตรรัฐบาลสหรัฐที่ตอนนี้ตลาดมองว่าไม่มีความเสี่ยง (risk free) ถึงแม้ว่าจะจ่ายดอกเบี้ยต่ำมาก หยวนที่อิงทอง หรือพันธบัตรรัฐบาลจีนที่มีทองคำหนุนหลังออกมาเมื่อไหร่ตลาดการเงินโลกจะเกิดความปั่นป่วนทันที เพราะว่าไม่มีทางที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะมีเครดิตเร็ทติ้งสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลจีนที่มีทองคำหนุนหลัง

แต่จีนต้องพร้อมที่จะเปิดเผยว่ามีทองสำรองเท่าใด แต่จะทำเช่นนั้นได้ จีนต้องมีความพร้อมจริงๆที่จะเผชิญกับการกดดันจากสหรัฐ เพราะว่าการเอาทองคำมาหนุนหยวนเป็นการล้มดอลล่าร์ดีๆนี้เอง อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้วจีนเป็นประเทศที่ไม่ชอบการเผชิญหน้า เพราะว่าจีนมีความอดทนสูง มักจะพัฒนาระบบแบบค่อยเป็นค่อยไปอันนำไปสู่ชัยชนะที่ไม่ต้องมีการประกาศในที่สุด

แน่นอนจีนต้องค่อยๆผ่องถ่ายพันธบัตรสหรัฐที่มีอยู่$1ล้านล้านกว่า หรือทรัพย์สินดอลล่าร์ที่ถืออยู่ทั้งหมดกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยที่จีนจะเอาดอลลาร์ไปแลกหรือสว๊อปกับทอง และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ จีนอ่านเกมออกว่าจะถือดอลลาร์กระดาษเยอะๆไปทำไม ถ้าจีนจะผงาด เงินหยวนของจีนต้องไม่เป็นเบี้ยล่างดอลลาร์