ตลาดหุ้นอินเดียเดือน พ.ค. ทำผลงานโดดเด่นเมื่อเทียบตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิก

ตลาดหุ้นอินเดียเดือน พ.ค. ทำผลงานโดดเด่นเมื่อเทียบตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิก

CNBC รายงานว่า หุ้นอินเดียทำผลงานติดอันดับตลาดหุ้นโดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิก ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา แม้ว่าประเทศอินเดียกำลังเผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นหลักหมื่นคนทุกวันอยู่ก็ตาม

ทั้งนี้ เดือน พ.ค. ดัชนีตลาดหุ้นอินเดีย Nifty 50 เพิ่มขึ้น 6.5% ขณะที่ดัชนี BSE Sensex ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักตลาด ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดของตลาดหุ้นอินเดีย 30 บริษัท ขยับขึ้น 6.47%

Tuan Huynh ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำยุโรปและเอเชียแปซิฟิก Deutsche Bank กล่าวว่า คำกล่าวที่ว่า ‘go away and sell in May’ หรือ ขายในเดือน พ.ค. คงไม่เป็นความจริงแล้ว อย่างน้อยก็สิ่งที่เกิดขึ้นในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมานี้ โดยกรณีของอินเดียถือว่าสร้างความแปลกใจให้ทีเดียว

ตลาดดูเหมือนจะแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ระหว่างพัฒนาการเศรษฐกิจและรายได้ของบริษัท กับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยอินเดียมียอดผู้ติดเชื้อในประเทศมากกว่า 28 ล้านคน และเป็นประเทศที่สถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อเลวร้ายสุดอันดับ 2 ของโลก ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัย  Johns Hopkins โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันลดลงมาแล้วจากระดับสูงสุดมากกว่า 400,000 คนต่อวัน ในช่วงต้นเดือน พ.ค. แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับมากกว่า 100,000 คนต่อวันอยู่ ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในโลก

Goldman Sachs ธนาคารเพื่อการลงทุนของสหรัฐฯ ให้น้ำหนักการลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้น และคาดการณ์ว่าหุ้นอินเดียจะทำผลงานได้โดดเด่น โดย Timothy Moe หัวหน้าร่วมฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคเอเชียและหัวหน้ากลยุทธ์หุ้นเอเชียแปซิฟิก Goldman Sachs กล่าวว่า ตลาดมองไปที่อนาคตไม่ใช่ในปัจจุบัน แม้ว่าในอินเดียจะมีความน่ากังวลอย่างมากในแง่การระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อมาดูที่ตลาดโดยพื้นฐานได้มองข้ามสิ่งนี้ไปแล้ว และคาดการณ์ถึงแนวโน้มผู้ติดเชื้อที่จะลดลง ซึ่งเกิดขึ้นจริง

สำหรับตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในเดือน พ.ค. ได้แก่ ตลาดหุ้นเวียดนาม โดยดัชนี VN เพิ่มขึ้น 7.15% ในเดือนนี้ โดยตลาดหุ้นปรับตัวได้ดี ท่ามกลางสถานการณ์โควิดในประเทศที่มีทิศทางแย่ลงในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นไต้หวันในเดือน พ.ค. ดัชนี Taiex มีผลการดำเนินงานแย่สุดในเอเชียแปซิฟิก ลดลง 2.84% ท่ามกลางสถานการณ์การติดเชื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้น และมาตรการการจำกัดที่เข้มงวดขึ้น