B-SIP กับการลงทุนที่ยั่งยืน เพื่อการเติบโตบนโลกที่มั่นคง

B-SIP กับการลงทุนที่ยั่งยืน เพื่อการเติบโตบนโลกที่มั่นคง

โดย…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

กองทุนบัวหลวงเปิดตัวกองทุนเปิดบัวหลวงยั่งยืน (B-SIP) ไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เป็นกองทุนที่ลงทุนตามแนวคิดการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) โดยมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนภายใต้การจัดการของ Pictet Asset Management ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และกองทุนปลายทางที่ไปเลือกลงทุน จะเน้นลงทุนในบริษัททั่วโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการอย่างยั่งยืน (Sustainability)

ในวันนี้ เราจะมาเล่าเรื่องราวของการลงทุนอย่างยั่งยืนให้ทุกคนรู้จักกันมากขึ้น รวมถึงเรื่องราวการลงทุนของ B-SIP ด้วย

เริ่มกันที่การลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งหมายถึง การลงทุนที่คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ควบคู่ไปกับการพิจารณาข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวไปพร้อมกับการสร้างผลเชิงบวก ลดผลกระทบเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ประเด็นนี้ไม่ใช่กระแสแฟชั่นที่มาวูบเดียวแล้วผ่านไป แต่เป็นแนวโน้มระยะยาวที่จะคงอยู่ต่อไป ที่สำคัญความต้องการลงทุนอย่างยั่งยืนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

จากข้อมูลล่าสุดของ Morningstar พบว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ปี 2020 มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนที่มีแนวคิดการลงทุนอย่างยั่งยืนทำสถิติสูงสุด 1.65 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสที่ 3 โดยในจำนวนนี้นับครอบคลุมทั้งที่เป็นการลงทุนผ่านกองทุนเปิดที่มีแนวคิดการบริหารเชิงรุก และกองทุน ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการบริหารเชิงรับให้ผลการดำเนินงานเทียบเคียงดัชนีชี้วัด

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การลงทุนอย่างยั่งยืน ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นมาก ก็มาจากการที่ทั่วโลกเห็นความสำคัญเรื่องการสร้างความยั่งยืนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในระดับองค์กร หรือระดับประเทศ เช่น สหภาพยุโรปที่ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2050 หรือจีนที่ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี (ปี 2021-2025) ฉบับที่ 14 ออกมา โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 โดยในปี 2021-2025 จะลดการใช้น้ำมัน และให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ประกาศเดินหน้านโยบายลงทุน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว ในระยะเวลา 4 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง

ในส่วนของกองทุนบัวหลวง ก็เห็นความสำคัญของการลงทุนอย่างยั่งยืนเช่นกัน ก่อนหน้านี้จึงได้มีการเปิดตัวกองทุนหุ้นไทยที่เน้นเรื่องการลงทุนอย่างยั่งยืนไป และตัดสินใจขยายโอกาสการลงทุนอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวกองทุน B-SIP ที่ลงทุนได้ทั่วโลก โดยเป็นการลงทุนผ่าน Pictet Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทจัดการที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการลงทุนอย่างยั่งยืน

ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา B-SIP ลงทุนผ่านหน่วยลงทุนกองทุนของ  Pictet Asset Management ทั้งหมด 2 กองทุน ได้แก่ กองทุน Pictet – Global Environmental Opportunities ในสัดส่วน 51.74% ของ NAV และกองทุน Pictet – Clean Energy  40% ของ NAV

สำหรับ Pictet – Global Environmental Opportunities จะเน้นเพิ่มมูลค่าให้เงินลงทุนด้วยการมองหาธุรกิจที่สร้างผลเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งธุรกิจหลักๆ ที่มีในพอร์ตลงทุนองกองทุนนี้ ได้แก่ บริษัทในกลุ่มพลังงานสะอาด การใช้น้ำ การเกษตร ป่าไม้ และด้านอื่นๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่สิ่งแวดล้อม โดยเป็นการลงทุนทั่วโลก รวมถึงในตลาดเกิดใหม่และจีนด้วย โดยรายชื่อหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนนี้ลงทุนอยู่ ตามข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ค. 2021 ได้แก่

  1. Agilent Technologies Inc 3.57% เป็นบริษัทพัฒนาและผลิตเครื่องมือวิเคราะห์
  2. Schneider Electric Se 3.47% เป็นผู้ดำเนินธุรกิจการจัดการพลังงาน
  3. Republic Services Inc 3.29% เป็นผู้ให้บริการรวบรวมขยะการขนย้าย การกำจัด การรีไซเคิล และการใช้พลังงาน
  4. Applied Materials Inc 3.11% เป็นบริษัทจัดหาอุปกรณ์บริการและซอฟต์แวร์สำหรับการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์
  5. Synopsys Inc 3.04% เป็นบริษัทออกแบบระบบอัตโนมัติที่เน้นการออกแบบและการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาของซิลิคอน รวมทั้งความปลอดภัยและคุณภาพของซอฟต์แวร์
  6. Thermo Fisher Scientific Inc 3.02% เป็นผู้จัดหาเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ซอฟต์แวร์ และบริการการดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และห้องปฏิบัติการอื่น ๆ
  7. Johnson Controls Internation 2.91% เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้า และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยสำหรับอาคาร
  8. Danaher Corp 2.90% เป็นบริษัทออกแบบ ผลิต และทำการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการด้านชีววิทยาศาสตร์ โซลูชันด้านสิ่งแวดล้อมและประยุกต์
  9. Aptiv Plc 2.88% เป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
  10. Westrock Co 2.87% เป็นบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์

ถ้าพิจารณาผลการดำเนินงานของกองทุน Pictet – Global Environmental Opportunities  โดยดูระยะสั้นเพียง 1 เดือน อาจเห็นผลติดลบที่ -0.26% ขณะที่ดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 0.31% แต่ถ้าดูกันในระยะยาว สอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสมคือ ลงทุนระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป จะพบว่า 3 ปี อยู่ที่ 55.25% ดีกว่าดัชนีอ้างอิง ซึ่งอยู่ที่ 36.74% ส่วนผลงานระยะ 5 ปี อยู่ที่ 98.01% ดีกว่าดัชนีอ้างอิงซึ่งอยู่ที่ 77.23%

ข้อมูลนี้ สะท้อนว่า ในช่วงสั้นๆ ของการลงทุนนั้นอาจเผชิญความผันผวน ทำให้ผลการดำเนินงานกองทุนติดลบได้บ้าง ซึ่งก็ผันแปรไปตามสภาวะตลาดและแรงขายทำกำไรในช่วงนั้นๆ ด้วย แต่ถ้าเราลงทุนระยะยาว ไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์ที่เข้ามากระทบในช่วงสั้น เราก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ

ขณะที่ กองทุน Pictet – Clean Energy เน้นเพิ่มมูลค่าให้เงินลงทุนด้วยการมองหาธุรกิจที่สร้างผลเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อมและสังคมเช่นกัน โดยกลุ่มธุรกิจที่ลงทุนจะเป็นธุรกิจที่มีส่วนในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เน้นสนับสนุนธุรกิจที่ใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต โดยรายชื่อหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนนี้ลงทุนอยู่ ตามข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ค. 2021 ได้แก่

  1. Nxp Semiconductors 4.15% เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์
  2. On Semiconductor Corp 4.08% เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์
  3. Nextera Energy Inc 3.79% เป็นบริษัทพลังงาน
  4. li-Vi Inc 3.60% เป็นผู้ผลิตกระดาษชำระที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  5. Analog Devices Inc 3.38% เป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่เชี่ยวชาญด้านการแปลงข้อมูลการประมวลผลสัญญาณและเทคโนโลยีการจัดการพลังงาน
  6. Applied Materials Inc 3.02% เป็นบริษัทจัดหาอุปกรณ์บริการและซอฟต์แวร์สำหรับการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์
  7. Edp Renovaveis Sa 2.98% เป็นบริษัทพลังงานทดแทน
  8. Albemarle Corp 2.98% เป็นบริษัทผลิตสารเคมีชั้นดี
  9. Ptc Inc 2.95% เป็นบริษัทซอฟต์แวร์และบริการคอมพิวเตอร์
  10. Topbuild Corp 2.94% เป็นบริษัทที่ติดตั้งและจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ถ้าพิจารณาผลการดำเนินงานของกองทุนนี้ โดยดูระยะสั้นเพียง 1 เดือน อาจเห็นผลติดลบที่ -1.05% ขณะที่ดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 1.51% แต่ถ้าดูกันในระยะยาวสอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสมคือ ลงทุนระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป จะพบว่า 3 ปี อยู่ที่ 70.20% ดีกว่าดัชนีอ้างอิง ซึ่งอยู่ที่ 47.55% ส่วนผลงานระยะ 5 ปี อยู่ที่ 122.96% ดีกว่าดัชนีอ้างอิงซึ่งอยู่ที่ 93.94% ซึ่งก็สอดคล้องกับกองทุนก่อนหน้านี้ ที่ในช่วงสั้นๆ มีโอกาสติดลบได้ แต่ถ้าลงทุนระยะยาวแล้ว สามารถทำผลงานได้ดี

โดยรวมแล้ว หากคุณเป็นผู้ลงทุนที่ตระหนักดีว่า เราควรใส่เงินไปลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม แทนที่จะลงทุนไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเลย เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว พร้อมไปกับการมีส่วนร่วมทำให้โลกนี้เติบโตไปได้อย่างมั่นคง กองทุน B-SIP ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุน B-SIP มีโอกาสเผชิญความผันผวนระหว่างทางได้ เพราะเป็นการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ดังนั้นผู้ลงทุนต้องพิจารณาให้ดีว่า ตนเองมีความทนทานกับความผันผวนได้หรือไม่ และลงทุนได้ระยะยาวแค่ไหน โดยเงินที่นำมาลงทุน ควรจะเป็นเงินเย็นที่สามารถลงทุนได้ 3-5 ปีขึ้นไป และหากต้องการลดความกังวลเรื่องความผันผวนระหว่างทาง ก็สามารถเลือกลงทุนในรูปแบบการทยอยลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่ากันทุกเดือน หรือที่เรียกว่า DCA ก็ได้ เพราะจะทำให้เราได้ต้นทุนเฉลี่ยในช่วงเวลานั้นๆ ต่างจากการลงทุนเพียงครั้งเดียว ที่เหมือนวัดดวง อาจจะได้ต้นทุนในช่วงที่ต่ำมากไปเลย หรือสูงไปเลยก็ได้

สุดท้ายนี้ แม้จะเป็นข้อความคลาสสิกที่ผู้ลงทุนได้ยินเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็อยากย้ำให้ผู้ลงทุนได้รับทราบอีกครั้งว่า ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต และการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

ถ้าพิจารณาทุกประเด็นที่ว่ามาแล้ว มองว่า B-SIP คือคำตอบที่ใช่ ตรงกับใจต้องการ ก็สามารถลงทุนได้ โดยศึกษารายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bblam.co.th/products/mutual-funds/foreign-investment-fund/b-sip/b-sip