B-FUTURE และ B-FUTURESSF จ่ายปันผล 0.25 บาทต่อหน่วย วันที่ 16 ส.ค. นี้

รายงานข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นฟิวเจอร์เพื่อการออม (B-FUTURESSF) เตรียมจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 นี้

สำหรับ B-FUTURE ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 6 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 โดยจ่ายปันผลในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วยลงทุน กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน วันที่ 6 สิงหาคม 2564 ซึ่งเมื่อนับรวม 6 ครั้ง คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 1.46 บาทต่อหน่วย ขณะที่ B-FUTURESSF ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วยลงทุนเช่นกัน กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน วันที่ 6 สิงหาคม 2564 เมื่อนับรวมทั้ง 2 ครั้ง คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 0.48 บาทต่อหน่วย

B-FUTURE มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการบริโภคในอนาคต ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรม ซึ่งรองรับแนวโน้มการบริโภค การดำเนินธุรกิจและเศรษฐกิจในอนาคต โดยผู้จัดการกองทุนพยายามเฟ้นหาการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่ดีในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเลือกลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศผสมผสานกับการลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทุนนี้มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งหรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร

ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 กองทุน B-FUTURE ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Allianz Global Investors – Artificial Intelligence ซึ่งลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ 58.90% ของทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Fidelity Funds – China Consumer Fund ซึ่งลงทุนในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการบริโภคของคนจีน 10.51% ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Wellington Fintech Fund ที่เน้นลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) 6.97%

นอกจากนี้ยังมีการคัดเลือกลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรงเพิ่มด้วย โดยหุ้น 5 อันดับแรกที่กองทุนนี้ลงทุน ได้แก่ Amazon ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ที่กำลังขยายธุรกิจไปยังด้านอื่นๆ, Lululemon Athletica ผู้จัดจำหน่ายเสื้อผ้า, DocuSign ผู้ให้บริการระบบจัดการข้อตกลงทางอิเล็กทรอนิกส์, ServiceNow ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับจัดการการทำงานแบบดิจิทัล และ JD.com ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซในจีน เป็นต้น

ขณะที่ กองทุน B-FUTURESSF ลงทุนในหน่วยลงทุนของ B-FUTURE เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการบริโภคในอนาคต ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรม ซึ่งรองรับแนวโน้มการบริโภค การดำเนินธุรกิจและเศรษฐกิจในอนาคต มีโอกาสได้ผลตอบแทนระหว่างทาง จากนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งหรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร พร้อมกับได้ลดหย่อนภาษีด้วย

ทั้งนี้ กองทุนบัวหลวง ยังมีอีก 1 ทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการลงทุนในนโยบายเดียวกับ B-FUTURE พร้อมลดหย่อนภาษี เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ โดยระหว่างทางไม่มีการจ่ายเงินปันผล ได้แก่ B-FUTURERMF

ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน B-FUTURE, B-FUTURESSF และ B-FUTURERMF สอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุนหรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและคู่มือการลงทุนได้ที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 โดยในกรณีที่ยังไม่มีบัญชีกองทุนรวมกับกองทุนบัวหลวง เพียง Update หรือ Download โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ Version 3.9.1 ขึ้นไป ก็สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้ง่ายๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ เพื่อลงทุนได้

 

ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน
ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุน RMF หรือ SSF ก่อนการตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

 

กองทุนบัวหลวง
10 สิงหาคม 2564