นักลงทุนต้องกลับมาอยู่กับความจริงคือกำไรของบริษัท หลังหุ้นเทคฯ โดนเทขาย

นักลงทุนต้องกลับมาอยู่กับความจริงคือกำไรของบริษัท หลังหุ้นเทคฯ โดนเทขาย

สรุปความ

โดย…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ AFPTTM

ตลอดสัปดาห์ปลายเดือนมกราคม 2022 เราได้เห็นการปรับตัวลงอย่างมากในหุ้นเทคฯ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากความกังวลเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เร่งลดการเข้าซื้อสินทรัพย์สภาพคล่อง และอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี เร่งตัว

เมื่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรให้ผลตอบแทนสูงขึ้น และอัตราคิดลด (discount rate) สูงขึ้น นักลงทุนบางส่วนจึงเทขายหุ้นเทคฯ ซึ่งอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย และ ถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูงออกมา เพื่อลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy  ของ BBLAM มองว่า  หุ้นเทคโนโลยีที่ถูกเทขายออกมา เป็นผลจากตลาดไปสนใจประเด็นเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า ซึ่ง BBLAM มองว่า หลังจากนี้ถึงเวลาที่จะต้องมามองกำไรของบริษัทจดทะเบียนเพื่อตัดสินใจลงทุนแล้ว ซึ่งตัวเลขรายได้และกำไรของบริษัทเทคโนโลยีที่ทยอยประกาศออกมามีโอกาสมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

และสัปดาห์นี้เราได้เห็นภาพบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทยอยผลประกอบการออกมาต่อเนื่อง ดังนี้

  • Microsoft รายได้และกำไรออกมาดีกว่าที่คาด

Microsoft รายงานว่า ช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2021 (ไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2022) มีกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 2.48 ดอลลาร์สหรัฐ รายได้อยู่ที่ 51,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

ผลประกอบการที่ดีมาจากบริการคลาวด์ (Microsoft Azure) ที่รายได้ยังคงเร่งตัวขึ้น โดยรายได้เติบโต 46% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เท่ากับที่คาด ขณะที่ผู้บริหาร กล่าวว่า การใช้คลาวด์จะเติบโตได้สูงในอนาคตต่อเนื่องไป จะเป็นส่วนที่ช่วยให้รายได้เติบโตได้ดี ในส่วนของกลุ่มซอฟต์แวร์ เช่น Microsoft Office ก็ทำรายได้เติบโตดีกว่าที่คาด ขณะที่ภาพรวมทั้งบริษัทมีกำไรขั้นต้น (Gross margin) 67.2% ซึ่งมากกว่าที่คาด

  • Tesla ที่รายได้ และกำไรออกมาดีกว่าที่คาด

ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 รายได้เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 71% กำไรเพิ่มขึ้น 760% และ Gross margin ดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 3 ส่วนปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานก็ยังมีอยู่บ้าง ทำให้ผลิตรถยนต์ออกมาได้ต่ำกว่ากำลังการผลิตแบบเต็มศักยภาพที่มี และคาดว่าปัญหานี้จะยังคงอยู่ในปี 2022

  • ASML กำไรดีกว่าที่คาดในไตรมาส 4

ASML ผู้ผลิตเครื่องผลิตชิป ประกาศกำไรออกมาดีกว่าที่คาดในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 โดยมีกำไร 2,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีกำไร 1,720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากอัตรากำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ไฟไหม้เกิดขึ้นกับโรงงานในเบอร์ลินก็ตาม ส่วนในปี 2022 ASML คาดว่ายอดขายจะเติบโตได้ 20% โดยผู้บริหารบอกว่า ความต้องการยังล้น และผลิตให้ไม่ทัน

  • Intel กำไรและรายได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

Intel ออกมาประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2021 มีกำไรและรายได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ถึงแม้ว่าธุรกิจ Client Computing Group ของ Intel จะมีรายได้ลดลงไป 7% แต่ก็ยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด นอกจากนี้บริษัทยังคาดการณ์เอาไว้ดีว่าจะเริ่มส่งชิปรุ่นใหม่ได้ไตรมาสแรกของปี 2022 และเพิ่มการผลิตได้ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งช่วยลดความกังวลว่าจะผลิตชิปไม่ทันได้

  • Texas Instruments รายได้และกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

Texas Instruments ผู้ผลิตชิปแบบอนาลอก มีรายได้และกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยกำไรจากส่วน ของชิปแบบอนาลอกสำหรับประมวลผล ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 75% ของรายได้ ยังเติบโตดี ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ขยายตัว 6% เทียบไตรมาสที่ 3 ขณะที่ Gross margin สูงถึง 69% สูงที่สุดในรอบ 10 ปี เพราะบริษัทสามารถเพิ่มราคาได้ จากการที่การผลิตส่วนใหญ่ดำเนินการเองจึงได้เปรียบบริษัทที่ต้องจ้างผลิต

ส่วนคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตก็ออกมาดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าในไตรมาสแรกปี 2022 รายได้จะเติบโต 10% เมื่อเทียบไตรมาสแรกปีก่อน

ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่ประกาศออกมา ส่วนใหญ่กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทเหล่านี้สามารถขึ้นราคา จึงถือว่าแทบไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความต้องการยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยรวมแล้ว คุณมทินา แนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน เป็นช่วงที่ดีที่สุดที่เราจะรักษาวินัยการลงทุน ด้วยการลงทุนถัวเฉลี่ยเท่ากันทุกเดือน หรือทำ DCA อย่างต่อเนื่อง เพราะว่าด้วยจำนวนเงินเท่ากัน เราจะได้หน่วยลงทุนที่เยอะกว่าเดิม

เราอยากฝากถึงนักลงทุนทุกท่านว่า Warren Buffet เคยเขียนข้อความเอาไว้ว่า ถ้าเราอยากจะทานแฮมเบอเกอร์ตลอดทั้งปี และเราไม่ใช่ผู้ผลิตเนื้อวัว เราจะอยากให้ราคาเนื้อสูง หรือต่ำ

ข้อความนี้ถ้านำมาใช้กับเรื่องการลงทุนก็เหมือนกัน คือ ถ้าเราต้องการจะทำ DCA ทั้งปี ลงทุนระยะยาว เราควรจะดีใจ มากกว่าเสียใจในช่วงที่ตลาดลง โดยกองทุนที่มีการลงทุนเกี่ยวกับกับเทคโนโลยีที่ BBLAM แนะนำให้ DCA ได้ คือ B-INNOTECH ซึ่งลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี และ B-SIP ที่ลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและการจัดการที่ยั่งยืน

 

ข้อมูลในบทความนี้เป็นข้อมูลที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงได้โดยทั่วไป และเป็นข้อมูลที่เชื่อว่าน่าจะเชื่อถือได้ แต่ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (“บริษัท”) มิได้ยืนยันหรือรับรองถึงความถูกต้อง หรือสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด ความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอในมุมมองของบริษัท และเป็นความคิดเห็น ณ วันที่ปรากฏในบทความเท่านั้น ซึ่งอาจ เปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าว โดยบริษัทไม่จำเป็นต้องแจ้งสาธารณชน หรือผู้ลงทุนทราบ บทความฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการนำข้อมูลหรือความคิดเห็นใดๆไปใช้ในทุกกรณี ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณาเนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้ลงทุน ควรศึกษาคู่มือการลงทุนรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพในรายละเอียดด้วย กองทุนที่มีการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง จะมีผลทําให้มูลค่าหน่วยลงทุนผันผวน และอาจทําให้เกิดกําไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ ส่วนกองทุนที่มีการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เช่น สัญญาสวอป หรือสัญญาฟอร์เวิร์ด เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ในบางกรณีอาจทําให้กองทุนเกิดการขาดทุนหรือเพิ่มความผันผวนให้กองทุน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุน หรือได้รับกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนตํ่ากว่าเงินลงทุนเริ่มแรกก็ได้ เนื่องจากกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงที่ทางการของ ต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ที่ไม่ปกติทําให้กองทุนไม่สามารถนําเงินกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับ คืนเงินตามระยะเวลาที่กําหนด สำหรับกองทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหลักๆ อาจลงทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารการลงทุน หรือตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง เพื่อให้กองทุนได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด กองทุนเหล่านี้จึงอาจมีความเสี่ยง มากกว่ากองทุนรวมอื่น จึงเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและสามารถรับความเสี่ยงได้สูงกว่าผู้ลงทุนทั่วไป ในส่วนของข้อมูลผลการดำเนิน งานของกองทุนรวม  ผู้ลงทุนควรตระหนักว่าผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมใดๆ/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต อนึ่ง การวัดผลการดำเนินงานของกองทุน ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัด ผลการดำเนินงานที่กำหนดโดยสมาคม กองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า Investment Grade เสนอขายเฉพาะแก่ ผู้ลงทุนประเภท Accredited Investors (AI) เท่านั้น