กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA)

กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA)

Highlight

  • กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้นสู่ระดับก่อนวิกฤตการณ์โควิด และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นโครงสร้างพื้นฐานและการเพิ่มจ้างงาน ซึ่งจะทำให้กลุ่มพลังงานสะอาด คมนาคมขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นถนน ท่าเรือ รถไฟ และขนส่งสาธารณะได้ประโยชน์ ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า GDP ปี 2022 จะอยู่ที่ 9% และ ปี 2023 ที่ 7.1%
  • ผู้จัดการกองทุนหลักมองว่า หุ้นขนาดใหญ่มีแนวโน้มจะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เพราะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กปรับตัวขึ้นมากในปีที่แล้ว

 

ปี 2021 ตลาดหุ้นอินเดียให้ผลตอบแทนที่ดี MSCI India +26.2% นำโดยหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 4/2021 ตลาดหุ้นอินเดียได้รับผลกระทบจากการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยและการลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา จึงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนถึงเดือนมกราคมปี 2022

สถานการณ์โควิดของอินเดียอยู่ภายใต้การควบคุม แม้ว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่เห็นสัญญาณน่ากังวล มีการฉีดวัคซีนประมาณ 4-5 ล้านโดสต่อวัน ประชากรผู้ใหญ่กว่า 75% ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว อัตราการเสียชีวิตต่ำ 1.18% และอัตราการรักษาหายเพิ่มสูงขึ้นเป็น 94.9%

กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้นสู่ระดับก่อนวิกฤตการณ์โควิด และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นโครงสร้างพื้นฐานและการเพิ่มจ้างงาน ซึ่งจะทำให้กลุ่มพลังงานสะอาด คมนาคมขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นถนน ท่าเรือ รถไฟ และขนส่งสาธารณะได้ประโยชน์ ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า GDP ปี 2022 จะอยู่ที่ 9% และ ปี 2023 ที่ 7.1%

พอร์ตการลงทุน

ปลายปีที่แล้ว กองทุนเพิ่มน้ำหนักในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น บริษัทเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตดี บริษัทยานยนต์ซึ่งราคาลงมาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น และขายหุ้นเครดิตการ์ดออกไปเนื่องจากเห็นว่าการแข่งขันด้านฟินเทคมีเพิ่มสูงขึ้น ในเดือนมกราคม กองทุนเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มหุ้นยานยนต์และธนาคาร เนื่องจากราคาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ธนาคารมีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และมีการลงทุนในบริษัทใหญ่ที่ผลิตไม้อัด MDF  ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว ลงทุนในบริษัทยางรถยนต์ขนาดใหญ่สองบริษัท ในราคาที่เหมาะสมและมีปันผลดี  กองทุนขายทำกำไรในหุ้นที่เกี่ยวกับการจองตั๋วรถไฟ และขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทเสื้อผ้าที่มีประเด็นเรื่องธรรมภิบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้จัดการกองทุนให้ความสำคัญมาต่อเนื่อง

มุมมองในอนาคต 

  • การเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลดีกับกลุ่มการเงิน ในด้านคุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้นและ valuation ที่น่าสนใจ
  • อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี ส่งผลบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์  ยานยนต์ และสินค้าคงทน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก ได้ประโยชน์จากการสนับสนุนด้านพลังงานสะอาด การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเติบโตของการส่งออก ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนที่เพิ่มขึ้น
  • กลุ่มโรงพยาบาลและการแพทย์มีแนวโน้มเติบโตดี
  • กลุ่มเทคโนโลยีมีดีมานด์ที่แข็งแกร่ง แต่ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและต้นทุนที่สูงขึ้นอาจกระทบต่อกำไรของกิจการ ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป
  • ผู้จัดการกองทุนหลักมองว่า หุ้นขนาดใหญ่มีแนวโน้มจะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เพราะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กปรับตัวขึ้นมากในปีที่แล้ว
  • ความเสี่ยงของตลาดหุ้นอินเดีย คือ นโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดีย ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และการเลือกตั้งภายใน ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน

Disclaimer: เอกสารนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เอกสารนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มิได้มีวัตถุประสงค์ชักชวน ชี้นำ ให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนทางการเงิน หรือการตัดสินใจในทางธุรกิจแต่อย่างใด ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณจากการใช้ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดของเอกสารฉบับนี้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต