BBLAM จับจังหวะหุ้นไทยย่อตัวช่วงทั่วโลกฝุ่นตลบ ส่ง ‘TRIGGER 12-22’ ลงสนาม  เสนอขาย IPO วันที่ 21-23 มี.ค. นี้ ตั้งเป้าผลตอบแทน 6% ได้ใน 9 เดือน

BBLAM จับจังหวะหุ้นไทยย่อตัวช่วงทั่วโลกฝุ่นตลบ ส่ง ‘TRIGGER 12-22’ ลงสนาม เสนอขาย IPO วันที่ 21-23 มี.ค. นี้ ตั้งเป้าผลตอบแทน 6% ได้ใน 9 เดือน

ข่าวประชาสัมพันธ์
Press Release

นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีอยู่ ทำให้ BBLAM เชื่อมั่นว่า หุ้นของบริษัทที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ยังมีมูลค่าหุ้นที่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นได้ เช่น กลุ่มธนาคาร การเงิน การท่องเที่ยว ค้าปลีก โรงพยาบาล เป็นต้น ดังนั้น ในช่วงที่มีสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมา BBLAM ก็มองเป็นจังหวะที่ดีในการใช้กลยุทธ์คัดเลือกหุ้นรายตัว จับจังหวะลงทุน เพื่อคาดหวังผลตอบแทนระยะสั้น จึงเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และเสนอขายเพียงครั้งเดียว กองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 12-22 หรือ TRIGGER12-22 ระหว่างวันที่ 21-23 มีนาคม 2565 โดยกองทุนนี้ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 6% ในเวลา 9 เดือน

“เรามองว่า ตลาดหุ้นของประเทศที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครนโดยตรงจะฟื้นตัวได้เร็ว รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย ดังนั้น ในช่วงที่หุ้นไทยย่อตัวลงมา ก็เป็นจังหวะที่ดีของการเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ จับจังหวะลงทุน” นายสันติ กล่าว

สำหรับ วิธีบริหารกองทุนทริกเกอร์ของ BBLAM คือ เราจะจับจังหวะซื้อขายหุ้นรายตัว ซึ่งใช้กลยุทธ์แตกต่างจากการลงทุนในกองทุนอื่นที่เน้นลงทุนระยะยาว โดยจะเน้นการทำกำไรเพื่อล็อคผลตอบแทนเป็นระยะ ซึ่งจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่ค่อนข้างสูง ทั้งเรื่องนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ทีมลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกหลักทรัพย์และจับจังหวะการลงทุนมากขึ้น

ตั้งแต่ปี 2563 ในช่วงที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดเข้ามากระทบบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย BBLAM เสนอขายกองทุนทริกเกอร์หุ้นไทยไปแล้ว 5 กองทุน และทั้ง 5 กองทุนนี้ก็สามารถส่งมอบผลตอบแทนเป็นบวกให้นักลงทุนได้

สำหรับกองทุน TRIGGER 12-22 เสนอขายหน่วยลงทุนละ 10 บาท กำหนดการซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยกองทุนนี้ เป็นกองทุนรวมผสมที่ไม่ได้ไปลงทุนในต่างประเทศ บางช่วงเวลาผู้จัดการกองทุนอาจปรับสัดส่วนลงทุนตามความเหมาะสม เช่น อาจขายทำกำไรหุ้น แล้วถือตราสารหนี้หรือเงินสดมากขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

นักลงทุนที่จะลงทุนกับกองทุนนี้ ต้องรับความเสี่ยงจากความผันผวนของหุ้นได้ โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ดีจากการจับจังหวะลงทุนในหุ้น และไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนก้อนนี้ในช่วงเวลา 9 เดือน เนื่องจากต้องถือหน่วยลงทุนจนกระทั่งเลิกกองทุน ซึ่งบริษัทจะเลิกกองทุนเมื่อครบอายุโครงการ โดยเงินที่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืน จะเป็นไปตามการบริหารกองทุนในระยะเวลา 9 เดือน หรือในวันทำการที่ 2 ถัดจากวันที่ครบเงื่อนไขทั้งหมด คือ มีมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.75 บาท และมูลค่าหน่วยลงทุนที่จะรับซื้อคืนโดยอัตโนมัติ ต้องไม่ต่ำกว่า 10.60 บาท และทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเงินฝากธนาคารทั้งหมด

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน TRIGGER12-22 หรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและคู่มือการลงทุนได้ที่ BBLAM โทร. 0 2674 6488 กด 8 หรือตัวแทนสนับสนุนขายหน่วยลงทุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส บมจ.หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร

นอกจากนี้ ยังสามารถลงทุนได้ง่าย ผ่าน Bualuang iBanking และ Bangkok Bank Mobile Banking จาก ธนาคารกรุงเทพ ในช่วงเวลาทำการ 8.30-16.00 น.

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

BBLAM
18 มีนาคม 2565