BBLAM Monthly Economic Review – 5 ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในไตรมาส 2

สรุปความ

Economic Research

สำหรับประมวลภาพเศรษฐกิจที่จะมีผลต่อการลงทุนในเดือนเมษายน 2022 นั้น เราผ่าน 3 เดือนแรกของปีแล้ว เวลานี้เข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของปี สิ่งที่เป็นข้อมูลเบื้องหลัง (background) ทางเศรษฐกิจที่จะยังคงอยู่อย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 นี้ จะมีทั้งหมด 5 เรื่อง คือ

1.สงคราม

2.ราคาพลังงาน

3.การหยุดชะงักในภาคอุปทาน หรือ supply disruption

4.ราคาสินค้าเกษตรปรับเพิ่มขึ้น 

5.อัตราดอกเบี้ยนโยบาย

โดยปกติ ข้อมูลเศรษฐกิจจะช้ากว่าเดือนที่เป็นจริง หมายความว่า ณ เดือนเมษายน ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่จะนำมาใช้เป็นของเดือนมีนาคม และในบางประเทศยังเป็นเดือนกุมภาพันธ์ด้วยซ้ำ

หากยังจำได้ ณ ช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ออกมาประกาศทิศทางในเดือนมีนาคม ตัวเลขที่ Fed ใช้เป็นตัวเลขเดือนกุมภาพันธ์ หมายความว่า background ทางเศรษฐกิจที่กล่าวมานี้ ยังไม่เข้ามากระทบตัวเลขเศรษฐกิจเลย เพราะฉะนั้น ณ วันที่ Fed ตัดสินใจ จึงเป็นการตัดสินใจจาก background ทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งในไตรมาสแรก

ภาพที่เราเห็นผ่านการสำรวจความคิดเห็นจากคณะกรรมการบริหารของ Fed หรือที่เรียกว่า Dot Plot เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นตัวบ่งชี้ความคาดหวังของผู้ลงทุน ชี้ว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุกครั้งของการประชุมไปจนสิ้นสุดเดือนสุดท้ายของปี 2022 ด้วยค่ากลาง 1.85% ภายในกรอบ 1.75-2.00% ซึ่งถือว่าสูง เพราะ ณ ช่วงเวลาปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยยังต่ำอยู่ แต่หากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุกครั้ง และบางครั้งอาจปรับขึ้นเกิน 0.25% ก็มีสิทธิที่ทั้งปีจะไปปิดอัตราดอกเบี้ยที่เกือบ 2%

ในฐานะที่เราเป็นผู้ลงทุน เมื่อได้ข่าวมาเช่นนี้ สิ่งที่จะต้องพิจารณา คือ

1.ข้อมูลเศรษฐกิจที่ใช้ตัดสินใจเป็นข้อมูลที่มาช้า

2.Fed ผู้กำหนดเทรนด์โลกตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังล่าช้าอยู่

ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ในไตรมาสที่ 2 และ ไตรมาสที่ 3 ข้อมูลเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนไตรมาสแรกแล้ว เพราะว่ามีข้อมูลเบื้องหลังทั้งเรื่องเงินเฟ้อ และของแพง ซึ่งเวลาที่มีเงินเฟ้อ และของแพง คนจะตัดการใช้จ่ายโดยอัตโนมัติเพื่อเก็บเงินบางส่วนไปเติมน้ำมัน เพราะฉะนั้นข้อมูลเศรษฐกิจที่เราจะใช้คาดหวัง ณ ไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 อาจได้เห็นข้อมูลการใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งของใหญ่ๆ เช่น บ้าน รถ การลงทุน ชะลอตัวลง

โดยข้อมูลการใช้จ่ายเหล่านี้ที่ชะลอลง จะเข้าไปสู่ข้อมูลเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 หรือในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน ซึ่งกว่าจะเห็นข้อมูล คือเดือนกรกฎาคม หรือไตรมาสที่ 3 แล้ว

ทั้งนี้ จะมีเรื่องราวระหว่างทางไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 เกิดขึ้น คือ ในเดือนเมษายน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะมาปรับประมาณการเศรษฐกิจโลก จากที่ Fed ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกไปแล้วก่อนหน้านี้

ถ้า IMF ปรับลดประมาณการ GDP ของสหรัฐฯ ลง เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่มาก 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจโลก บวกกับปรับลดประมาณการเศรษฐกิจยุโรป ที่เจอวิกฤติพลังงานด้วย จะทำให้ประมาณการเศรษฐกิจโลกปรับลดลงแน่นอน

ในเวลานั้น ตลาดจะมาตั้งคำถามแล้วว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งไหวหรือไม่ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ตลาดตราสารหนี้เริ่มส่งสัญญาณ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับขึ้นไปสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวกว่า หรือที่เรียกว่า inverted yield curve ก็จะเกิดความกังวลมากขึ้นว่า เศรษฐกิจจะเกิดภาวะถดถอยหรือไม่

เมื่อภาพเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ คือ แตะระดับสูงสุดแล้ว และเริ่มหาจุดสมดุล โดยอาจมีบางส่วนหดตัวลง ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นักลงทุนอาจไม่ได้คิดหมือนไตรมาสแรกแล้วว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้งของการประชุม จนทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ 2.00% จากที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นต่อเนื่อง อาจจะมีการทรงตัวก็ได้

สำหรับมุมมองของ Economic Research นั้น เรามองว่า อาจเห็น Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน เมื่อมีการลองผิดลองถูกจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 1-2 ครั้ง Fed ก็อาจจะรีรอดูว่าเศรษฐกิจทานทนได้หรือไม่ หากเศรษฐกิจทนทานไม่ได้ มีข้อมูลเศรษฐกิจบางอย่างชะลอตัวอย่างรวดเร็ว หรือตลาดพันธบัตรมีการสะท้อนภาพเศรษฐกิจถดถอย อาจมีความเป็นไปได้ที่ Fed ไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเท่าที่เรามองไว้ในไตรมาสแรก

เมื่อเรามองเช่นนี้แล้ว คำถามที่ตามมาคือ

1.กลุ่มไหนที่ซื้อแล้วมีส่วนลด (discount) มากๆ ในช่วงที่ตลาดมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยรัวๆ

2.กลุ่มไหนที่สามารถทานทนต่อเงินเฟ้อได้ เพราะเงินเฟ้อจะยังสูงต่อเนื่องทั้งปี

3.กลุ่มไหนหรือประเทศไหนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ไม่ว่าใครจะทะเลาะกันอย่างไร กลุ่มธุรกิจหรือประเทศนั้นก็สามารถเติบโตได้ด้วยปัจจัยของตัวเอง

4.กลุ่มประเทศไหนถูกทำร้ายอย่างโหดร้ายในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2022

4 ข้อนี้เป็นเรื่องน่าสนใจ ที่เราตั้งข้อสังเกตให้นักลงทุนนำไปพิจารณาดู เพื่อเป็นตัวช่วยนำพาพอร์ตได้ และอาจสามารถหาผลตอบแทนให้เพิ่มเติมก็ได้