เตรียมพร้อมสู่วัยเกษียณ เดินทางด้วยกองทุนรวม

เตรียมพร้อมสู่วัยเกษียณ เดินทางด้วยกองทุนรวม

By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เป็นประโยคที่พูดกันหนาหูขึ้นในทุกวันนี้ โดยจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติและมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย ประเมินว่า ปี 2025 ไทยจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป 21.2% ของประชากรทั้งประเทศ เป็นการเข้าสู่งสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ขณะที่ปี 2030 สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 25.2%

จากประเด็นนี้ ทำให้เกิดข้อกังวลตามมาว่า แล้วคนไทยมีเงินในกระเป๋าพร้อมหรือยังเพื่อใช้ชีวิตเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ ท่ามกลางสภาวะที่คนครองตัวเป็นโสดกันมาก หรือหากมีครอบครัวก็ไม่มีลูก หรือมีลูกแต่หวังพึ่งพิงให้เลี้ยงดูก็ยากยิ่งในยุคนี้

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ในงาน Mutual Fund Day ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ภายใต้แนวคิด “วางแผนลงทุนเพื่อชีวิตดี๊ดีวัยเกษียณสุข” มีการจัดสัมมนาหัวข้อ “วัยเก๋าอยากสบาย ต้องรู้จักเลือกสไตล์ลงทุน” โดยมี คุณวศิน วัฒนวรกิจกุล Managing Director, Head of Business Distribution กองทุนบัวหลวง เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสวนา ซึ่งเรื่องราวที่นำเสนอในเวทีนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย

คุณวศิน วัฒนวรกิจกุล (คนที่ 2 จากด้านซ้าย) Managing Director, Head of Business Distribution กองทุนบัวหลวง

คุณวศิน กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วงการกองทุน มักได้ยินคำถามคลาสสิกเสมอว่า มีเงินแล้วจะนำเงินไปซื้อหุ้นเองหรือซื้อกองทุนรวมดีกว่ากัน ประเด็นนี้หากจะหาคำตอบต้องมองจาก 2 แง่ คือในแง่ผลตอบแทน (Return) และความเสี่ยง (Risk)

หากมองในแง่ผลตอบแทน กองทุนรวมหรือหุ้นให้ผลตอบแทนดีกว่ากัน คงบอกไม่ได้ เพราะต้องอยู่ที่หุ้นหรือกองทุนที่นักลงทุนเลือกลงทุนด้วย ที่ผ่านมา มักเจอคำถามเสมอว่าผลตอบแทนกองทุนของคุณได้เท่าไหร่ หากในตลาดสร้างผลตอบแทนได้ 15% แล้วเราทำได้ 17% ต้องเรียกว่าใช้ได้ แต่พอได้ยินเช่นนี้ นักลงทุนอาจบอกว่าตัวเองทำได้ 30% ดังนั้นในความคิดเห็นของ วศิน จึงมองว่า การเปรียบเทียบการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมโดยมองเพียง “ผลตอบแทน” อาจไม่ตอบโจทย์

ทั้งนี้ เพราะการบริหารเงินลงทุน มีทั้งความเสี่ยงและผลตอบแทน หากมองความเสี่ยง การลงทุนในกองทุนรวมย่อมดีกว่าหุ้น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาติดตามหุ้น หรืออาจไม่ได้มีความรู้ รวมถึงทักษะเพียงพอติดตามและตัดสินใจ ขณะที่การบริหารกองทุนทำโดยบริษัทซึ่งใช้ทีมงานที่มีทีมเวิร์คทำงาน มีคนคอยหาข้อมูลและคนร่วมตัดสินใจ ดังนั้นแม้จะตอบไม่ได้ว่าผลตอบแทนจากอะไรดีกว่ากัน แต่ถ้าเป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยงมั่นใจว่ากองทุนรวมทำได้ดีกว่า

“การลงทุนผ่านกองทุนรวม ก็เปรียบได้เหมือนกับการเดินทาง ที่ทุกคนอยากจะเดินจากจุดหนึ่งไปถึงอีกจุดหนึ่งให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญคือระหว่างการเดินทางจะต้องมั่นใจว่าไปถึงเป้าหมายได้อย่างปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุก่อน” คุณวศิน กล่าว

คุณวศิน ยังได้ให้คำแนะนำทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนผ่านกองทุนรวมด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดลงทุน หรือคนที่เชี่ยวชาญการลงทุนอยู่แล้ว ก็ลงทุนผ่านกองทุนรวมได้ ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทุกแห่งก็มีระบบ ระเบียบ การบริหารจัดการกองทุนที่ดีทั้งสิ้น หากจะเลือกกองทุนใด ขอให้เริ่มจากการมองว่า นโยบายกองทุนนั้นตอบโจทย์ของท่านหรือไม่ พร้อมดูสไตล์ผู้บริหารกองทุนว่าตรงใจท่าน ตรงสไตล์ของท่านหรือไม่ เพื่อจับมือเป็นคู่ค้า พันธมิตร นำไปสู่ความสำเร็จด้วยกัน