BBLAM Weekly Investment Insights 29 สิงหาคม – 2 กันยายน 2022

BBLAM Weekly Investment Insights 29 สิงหาคม – 2 กันยายน 2022

2022 – Opportunities are never lost

INVESTMENT STRATEGY

กำไรไตรมาส 2 ปีนี้ของเวียดนาม ชะลอตัวลงมาบ้าง แต่เกิดจากปัจจัยเฉพาะตัวของบางบริษัท กำไรทั้งปี BBLAM ยังมองว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตประมาณ 20% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศ อย่างเช่น กลุ่มธนาคาร หรือกลุ่มบริโภคภายในประเทศ ถ้าไปดูความถูกแพงของหุ้นเวียดนามตอนนี้ ถือว่ายิ่งน่าสนใจเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน

ประเทศเวียดนาม มีตลาดหุ้น 3 ตลาดด้วยกัน ได้แก่ ตลาดหลัก Ho Chi Minh Stock Exchange ซึ่งหุ้นที่จดทะเบียนมีขนาดใหญ่กว่าอีกสองตลาด และเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุด ถัดมาคือ ตลาดหุ้น Hanoi และตลาดหุ้น UPCOM (Unlisted Public Company Market) เป็นกระดานซื้อขายหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนทั้งในตลาดทั้งฮานอยและโฮจิมินห์  ตลาด UPCOM เป็นตลาดที่มีกฎระเบียบน้อยกว่า โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้บริษัทมีโอกาสเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลัก และจูงใจให้เข้าสู่ตลาดทุน

สัปดาห์นี้ คุณศิวกร มิตรสันติสุข CFA®  Investment Strategist จาก BBLAM มาให้ข้อมูลและแนวโน้มของตลาดเวียดนามหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของปีนี้ ว่า

ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กำไรของบริษัทในทั้ง 3 ตลาด ประกาศกำไรเติบโตเพียง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (yoy) ซึ่งถือว่าเติบโตชะลอตัวลงพอสมควร จากที่กำไรเคยเติบโตมากกว่า 30% ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทำให้กำไรครึ่งปี แรกโตขึ้น 25% yoy อย่างไรก็ตามก็ต้องถือว่าตัวเลขดังกล่าวก็นับว่าอยู่ในระดับที่ดีทีเดียว แต่ตัวเลขที่สูงนี้ก็ยังต้องคำนึงว่า การเติบโตเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วต้องรวมผลกระทบจากสถานการณ์โควิดด้วย

ถึงแม้ตัวเลขของผลประกอบการไตรมาส 2 นี้จะเติบโตลดลง แต่เมื่อเจาะลึกเข้าไปในรายธุรกิจ ก็จะมีประเด็นที่น่าสนใจซึ่งจะเป็นผลดีต่อตลาดเวียดนาม ดังนี้

ประเด็นแรก คือ กลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่มที่ผลักดันกำไรในไตรมาสนี้ ได้แก่ กลุ่มธนาคารซึ่งกำไรโตมากกว่า 40% yoy รองลงมาคือกลุ่มพลังงาน และ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค

  • กลุ่มธนาคาร เป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่สุดในตลาด คิดเป็นประมาณ 35% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ผลประกอบการที่เติบโตโดดเด่น หลัก ๆ ก็เกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการสินเชื่อเติบโตได้ดี อีกทั้งเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวก็ทำให้คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น ทำให้ธนาคารมีภาระต่อการตั้งสำรองลดลง และ NPL ทั้งระบบอยู่ระดับประมาณ 1% เท่านั้น ปีนี้ BBLAM คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตของสินเชื่อมากกว่า 10% ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังของกลุ่มธนาคารออกมาดี
  • กลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น บริษัท BSR หุ้นโรงกลั่นก็มีกำไรที่ดีที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา นอกจากนี้บริษัทผู้ผลิตปุ๋ย หรือบริษัทขนส่งก๊าซธรรมชาติ ก็มีกำไรที่เติบโตโดดเด่นเช่นกัน
  • กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง เช่น ห้างสรรพสินค้า การท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือสินค้าราคาแพงอย่าง รถยนต์ ต่างก็เติบโตดีในไตรมาส 2 นี้ สำหรับผมเอง เมื่อเดือนที่แล้วไปเมืองโฮจิมินห์ จะหาร้านอาหารรับประทานในช่วงเย็น เดินเข้า 3 ถึง 4 ร้าน ปรากฎว่าเต็มทุกร้านครับ คนเดินห้างแบบหนาแน่น สำหรับยอดขายรถยนต์ที่รายงานออกมาเติบโต 40% yoy 

ประเด็นถัดมา กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกำลังรอผลดีจากการฟื้นตัวของตลาดในระยะถัดไป ถึงแม้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาสที่ผ่านมา มีผลกำไรลดลงมากกว่าครึ่งเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เกิดจากการเลื่อนการรับรู้ยอดขายออกไป เช่น บริษัท VinHome บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ปรากฏว่ามียอดจองซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 มากกว่า 2 เท่า ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้มากกว่ารายได้ทั้งปีของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยรวมกัน เช่น แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือศุภาลัย

ประเด็นสุดท้ายถือเป็นประเด่น เพราะกำไรของบริษัทเวียดนามทั้งปี น่าจะสามารถเติบได้ตามเป้าหมายที่ BBLAM คาดไว้ คือ มากกว่า 20% แม้กำไรจะชะลอตัวลงมาบ้างในไตรมาสที่ 2 รวมถึงมีความเสี่ยงจากภายนอกมากระทบ เช่น ความต้องการสินค้าลดลงจากทั้งจีน สหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งสองประเทศหลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก สัดส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมของเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นมากกว่าครึ่ง มาจากกลุ่มธนาคารและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และยังมีสัดส่วนกลุ่มธุรกิจจากภาคการบริโภคในประเทศ กลุ่มธุรกิจเหล่านี้จะได้ผลกระทบจากปัจจัยภายนอกน้อยกว่า ในขณะที่หาก GDP โตระดับ 6-7% ในปีนี้ ตัวเลขค้าปลีกโตระดับสองหลัก ผลกำไรน่าจากธุรกิจเหล่าจะทำให้ตลาดเวียดนามยังโตได้

ถึงแม้หุ้นเวียดนามขึ้นมาแล้ว 10% จากจุดต่ำสุด BBLAM ก็ยังคงมองว่า ราคายังไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับแนวโน้มกำไรของธุรกิจ BBLAM คาดว่า ปีนี้ตลาดเวียดนามจะมีระดับกำไรเติบโตกว่า 20% โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจในประเทศ เช่น กลุ่มธนาคาร หรือกลุ่มธุรกิจบริโภคในประเทศ อีกทั้งระดับราคาหุ้นเวียดนามตอนนี้ น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน โดย P/E เวียดนามอยู่ที่ 11 เท่า ขณะที่เพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ไทยเอง มี P/E ไม่ต่ำกว่า 14 เท่า

แนะนำกองทุน B-VIETNAM และถ้าต้องการลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีแนะนำ B-VIETNAMRMF

อ่านเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/29-2-2022