BBLAM Weekly Investment Insights 26-30 กันยายน 2022

BBLAM Weekly Investment Insights 26-30 กันยายน 2022

2022 – Opportunities are never lost

INVESTMENT STRATEGY

B-VIETNAM สามารถบริหารจัดการทำให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนี VN Index เนื่องจากกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัวเป็นสำคัญ และเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มบริโภคในประเทศที่ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลังโควิดและมาตรการเปิดประเทศ

“มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)” รายงานภาพรวมผลตอบแทนกองทุนหุ้นเวียดนาม สะสมตั้งแต่ต้นปี (YTD) ณ 16 กันยายน 2022  เฉลี่ยอยู่ที่ -14.7% และย้อนหลัง 1 ปีผลตอบแทน -13.9% ต่อปี ซึ่งลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2021ที่หุ้นเวียดนามมีผลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้น ๆ โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 9.4% ต่อปี การที่ตลาดผันผวนทั่วโลก ฉุด “หุ้นเวียดนาม” ลงมาแรง “กองทุนหุ้นเวียดนามดาวเด่น” ที่พิชิตความผันผวน สามารถมีผลตอบแทนยืนเหนือตลาด ซึ่งกองทุน B-VIETNAM ก็เป็นอันดับต้น ๆ ในปีนี้

ผลการดำเนินงานกองทุน ณ 31 สิงหาคม 2022

 B-VIETNAMB-VIETNAMRMFดัชนีชี้วัด*
3 เดือน+4.56% +4.26%+1.50%
6 เดือน-0.94%-0.66%-10.02%
ตั้งแต่ต้นปี-0.03%-1.22%-16.66%
*ดัชนี MSCI Vietnam Net Total Return USD Index ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อคํานวณผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คํานวณ ผลตอบแทน

คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM มาอัพเดทสถานการณ์ของตลาดหุ้นเวียดนามว่า ปีนี้ดัชนีเวียดนามเข้าสู่ช่วงในการปรับฐาน และทำผลตอบแทนได้ไม่ดี โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ดัชนี VN Index ปรับตัวลดลงกว่า 19% (อ้างอิงราคา ณ วันที่ 19 กันยายน 2022) หลังจากให้ผลตอบแทนสูงมากในปี 2021 อย่างไรก็ตาม กองทุน B-Vietnam สามารถบริหารจัดการทำให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนี VN Index เนื่องจากกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัวเป็นสำคัญ และเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มการบริโภคในประเทศที่ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลังโควิดและมาตรการเปิดประเทศ

แม้ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปราบปรามคอรัปชั่นในประเทศ  แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจโดยรวมของเวียดนามยังคงแข็งแกร่ง BBLAM คาดการณ์ว่า GDP ของเวียดนามจะเติบโตได้ ประมาณ 6 – 7.5% ในปี 2022 และ 2023 นอกจากนั้น Moody’s ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศเวียดนามในระยะยาว (Sovereign Credit Rating) จาก Ba3 เป็น Ba2 สะท้อนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก รวมถึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการบริหารนโยบายงบประมาณอย่างระมัดระวังและหนี้สาธารณะของประเทศยังคงอยู่ระดับต่ำ

ในส่วนของภาคการผลิต ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อด้านภาคการผลิต (PMI) ของเวียดนามยังคงอยู่ในโซนขยายตัว ตัวเลขภาคการผลิตในอุตสาหกรรม (Industrial production index) และการส่งออกยังคงเติบโตอย่างเนื่อง ส่ิงเหล่านี้ส่งผลให้ FDI ยังคงไหลเข้าเวียดนาม โดยยอดการลงทุนจริง (FDI Disbursement) ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ยังขยายตัวได้ราว 10.5% YoY

เงินเฟ้อของเวียดนามยังคงควบคุมได้ดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคและต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 4% ในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน ได้ถูกปรับลง ราคาอาหาร โดยเฉพาะราคาเนื้อสัตว์เร่งตัวขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากังวล ธนาคารกลางของเวียดนามยังคงใช้นโยบายที่ค่อนข้างยืดหยุ่นในการคุมเงินเฟ้อ และขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีเสถียรภาพ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สะท้อนให้เห็นถึงภาพการฟื้นตัว และความแข็งแกร่งของประเทศ การจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศยังคงคึกคัก โดยตัวเลขค้าปลีกในประเทศ (Retail sales) ที่ยังขยายตัวได้ดีกว่า 19% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้

ในเมื่อ BBLAM มีมุมมองที่ดีต่อด้านเศรษฐกิจของเวียดนามแล้ว ก็มาดูต่อว่า “ทิศทางลงทุนในหุ้นเวียดนามในระยะถัดไปจะเป็นอย่างไร” 

BBLAM มีมุมมองเชิงบวกกับดัชนีเวียดนาม และคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VNI Index) จะค่อย ๆ ฟื้นตัว ตามภาพเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ 15 – 20% และประมาณ 15% ในปี 2023 ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกก้าวเข้าสู่ช่วงการเติบโตช้าลงไปจนถึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ในแง่ของมูลค่าของดัชนี ปัจจุบัน VN Index ซื้อขายในระดับที่ไม่แพง ด้วย P/E ปัจจุบันที่ 13.5 เท่าและ 12M Forward PER ที่ 11 เท่า และอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค อย่างเช่น ประเทศไทยที่ซื้อขายในระดับ Valuation ที่ 15 เท่า PER ในอีกสิบสองเดือนข้างหน้า

ความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้นเวียดนาม คือ ในขณะที่ประเทศกำลังเติบโต ก็จะมีบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างการพัฒนาประเทศในระยะยาว โดย 3 ธีมการลงทุน ที่กองทุน B-VIETNAM สนใจคือ

  1. บริษัทที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI)
  2. บริษัทที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวเวียดนามที่กำลังเพิ่มขึ้น ตามรายได้ และช่วงวัยของประชากรที่ยังเต็มไปด้วยหนุ่มสาว ควบคู่ไปกับการเติบโตของชนชั้นกลางที่กำลังเพิ่มขึ้น  และ
  3. เศรษฐกิจดิจิตัล ที่ประเทศกำลังเดินหน้ามาในด้านนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ช่วงที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุน B-VIETNAM เข้าลงทุนตามสามธีมนี้ และใช้กลยุทธ์ที่พยายามเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท มีพื้นฐานที่ดี และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์เชิงโครงสร้างในระยะยาว

ในเมื่อหุ้นเวียดนามปีนี้มีสถานการณ์แบบนี้ ก็มักมีคำถามจากทั้งนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนหุ้นเวียดนามอยู่แล้ว และนักลงทุนที่กำลังเริ่มสนใจลงทุน BBLAM มองว่า ถึงแม้ดัชนีจะค่อนข้างผันผวน แต่ด้วยมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง ก็เปิดโอกาสให้กองทุน B-VIETNAM สามารถเข้าเลือกลงทุนในหุ้นที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง หุ้นคุณภาพดีได้ อย่างเช่นที่ผ่านมา กองทุน B-VIETNAM ลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่ได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด และจำนวนที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้การที่เวียดนามเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น การออกใบอนุญาตโครงการใหม่ กองทุนเองก็ได้ทยอยเพิ่มสัดส่วนลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนก็เพิ่มสัดส่วนลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการที่ภาครัฐขยายโควต้าการให้สินเชื่อ

สรุปได้ว่า BBLAM เชื่อว่า ความผันผวนนี้จะนำมาซึ่งโอกาสการลงทุนที่ดี และ มองไปข้างหน้า เวียดนามยังคงเป็นตลาดที่แข็งแกร่งและน่าจะสามารถกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดีได้ พร้อมๆ กับตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก

แนะนำกองทุน B-VIETNAM และถ้าต้องการลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีแนะนำ B-VIETNAMRMF

พิเศษ กองทุน B-VIETNAM หั่นครึ่งค่าธรรมเนียมการขาย เพียงลงทุนตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคมนี้

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/26-30-2022