BF Knowledge Tips: เมื่อกองทุนตราสารหนี้ กำลังจะกลับมาน่าสนใจ

BF Knowledge Tips: เมื่อกองทุนตราสารหนี้ กำลังจะกลับมาน่าสนใจ

โดย เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® BBLAM

  • กองทุนตราสารหนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ลดทอนความน่าสนใจไปเยอะครับ เริ่มจากช่วงวิกฤตโควิดหลายๆ ประเทศประกาศลดอัตราอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้รอด ทำให้ต่อมาอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้พันธบัตร เงินฝากทั่วโลกลดลง ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ก็ลดลงตาม
  • บางช่วงผลตอบแทนกองทุนเพื่อบริหารสภาพคล่องที่ใกล้เคียงเงินฝาก ผลตอบแทนลดลงจนพอๆ กับอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ ทำให้นักลงทุนไม่สนใจกองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนผสมที่มีสัดส่วนตราสารหนี้สูง ประกอบกับกองทุนหุ้นพุ่งขึ้นสูงในช่วงหลังประกาศการค้นพบวัคซีน ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนให้ย้ายเงินลงทุนออกจากตราสารหนี้กันไปเป็นจำนวนมาก
  • พอสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เกิดปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง ธนาคารกลางต่างๆ เร่งประกาศขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ทำให้ตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวๆ ราคาตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการขาดทุน ความน่าสนใจของกองทุนตราสารหนี้ก็ยิ่งลดลงไปอีก โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะกลางถึงระยะยาว รวมถึงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจะยังไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่ายๆ ทำให้ความน่าสนใจของกองทุนตราสารหนี้ยังคงไม่กลับมา
  • อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี กองทุนตราสารหนี้ประเภทกองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนเพื่อบริหารสภาพคล่อง อย่างบัวหลวงธนทวี และบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ เริ่มกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และมีสัญญาณที่ดีสำหรับกองทุนบัวหลวงตราสารหนี้ หรือ BFIXED ที่อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ยาวกว่ากองทุนทั้ง 2 ซึ่งจะกลับมาให้ผลตอบแทนดีขึ้นเมื่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณกลางปีหน้า
  • เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง ราคา NAV ของกองทุนตราสารหนี้จะไม่ถูกกดลงจากราคาตราสารหนี้ที่ลดลงที่มาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลกระทบกันเป็นทอดๆ ผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่กลับคืนสู่ผู้ลงทุนในกองทุนรวมจะกลับมาสูงขึ้นตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในภาพรวมขณะนั้น ซึ่งจะทำให้กองทุนกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
  • อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ การเลือกกองทุนว่า มีนโยบายลงทุนระดับคุณภาพของตราสารหนี้แบบใด เพราะการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการของกองทุน ดังนั้นตราสารหนี้ที่ควรพิจารณาในปีหน้า ควรเป็นตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่น่าเชื่อถือ หรือหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทที่มีกิจการแข็งแกร่ง มีฐานลูกค้าที่ดี กิจการมีการเติบโตและยังคงมีรายได้ต่อเนื่องแม้ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวครับ