Fund Comment ธันวาคม 2565: ภาพรวมตลาดหุ้น

Fund Comment ธันวาคม 2565: ภาพรวมตลาดหุ้น

ภาพรวมตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนใหญ่มีการย่อตัวในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยหลังจากการประชุม FOMC ในวันที่ 13-14 ธันวาคม ซึ่ง Fed มีท่าทีในการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แม้จะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจที่ลดลง ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่า การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ในปี 2023 ซึ่ง US 10 years bond yield พลิกกลับไปสูงขึ้นจาก 3.45% เป็น 3.80% และทำให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลง 5.9% ในเดือนธันวาคม ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มเปลี่ยนมาตอบสนองเชิงลบต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตน้อยกว่าคาด (แต่เดิมจะตอบสนองด้านบวก เพราะคาดว่า การชะลอตัวจะทำให้ Fed ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย) ถึงตัวเลขเงินเฟ้อจะผ่านจุดจูงสุดไปแล้วและมีสัญญาณลดลง ซึ่งลดแรงกดดันด้านต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนลง แต่ดัชนีทางเศรษฐกิจ PMI ต่างๆ ล่าสุดของสหรัฐฯ และยุโรปนั้นแสดงการชะลอตัวลงต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนหันมาเพิ่มความกังวลกับแนวโน้มรายได้ของบริษัทในปี 2023 แทน โดยเฉพาะบริษัทที่เติบโตสูง ว่าจะรายได้อาจชะลอลงมากกว่าคาด อย่างไรก็ตาม สำนักวิจัยเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะคาดว่า ถึงแม้จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ แต่การหดตัวนั้นคงจะไม่ได้รุนแรง ซึ่งเชื่อว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมามากในปี 2022 นั้นได้สะท้อนการคาดการณ์การเกิดเศรษฐกิจถดถอยแบบเล็กน้อยไปพอสมควรแล้ว และการปรับตัวลงของดัชนีในช่วงหลัง เกิดจากปัจจัยรายตัวของบางบริษัทขนาดใหญ่มากกว่าที่จะเป็นการปรับตัวลดลงทั้งกระดานเหมือนที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า ภาวะที่แท้จริงนั้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะรุนแรงมากน้อยเพียงใด

แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน SET Index กลับสามารถปรับตัวขึ้นได้ 2% สวนทางกับตลาดหุ้นโลก เนื่องด้วยความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2023 หลังจากประเทศจีนเตรียมเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งจากการคาดการณ์ของสำนักวิจัยเศรษฐกิจหลายแห่งมีมุมมองว่า เศรษฐกิจไทยนั้นจะเติบโตได้มากกว่าเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยมีความแข็งแกร่งมากกว่าตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะในภาวะที่เกิดความผันผวนในด้านลบ แต่ด้วย Valuation ของหุ้นไทยที่ไม่ได้ถูกมากนัก เพราะบางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง ราคาหุ้นได้สะท้อนการฟื้นตัวไปพอสมควร จึงคาดว่า SET Index น่าจะทยอยปรับตัวในลักษณะ Side-ways up ซึ่งสนับสนุนโดยกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติ การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และการลงทุนที่มากขึ้นของภาคเอกชน โดยเฉพาะจากต่างประเทศที่จะย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น และประเทศไทยก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความน่าสนใจ ยังคงเกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว โดยเน้นตัวที่ยังมี Valuation ไม่ได้สูงมากนัก เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจการแพทย์ ธุรกิจธนาคาร เป็นต้น