SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 13 ในอัตรา 0.13093 บาทต่อหน่วย

SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 13 ในอัตรา 0.13093 บาทต่อหน่วย

SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 13 ในอัตรา 0.13093 บาทต่อหน่วย

 และเงินคืนทุนครั้งที่ 3 ในอัตรา 0.040 บาทต่อหน่วย วันที่ 22 มีนาคม 2566 นี้ 

นายพรชลิต  พลอยกระจ่าง  รองกรรมการผู้จัดการ  Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือBBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 13 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 หรือระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และกำไรสะสม ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.13093 บาท และจะจ่ายเงินคืนทุนครั้งที่ 3 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 หรือระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.040 บาท  โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 8 มีนาคม 2566  และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 22 มีนาคม 2566

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน  จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 13 ครั้ง คิดเป็นเงิน  2.58716 บาทต่อหน่วย   และจ่ายเงินคืนทุนไป  3 ครั้ง   คิดเป็นเงิน  0.220 บาทต่อหน่วย  รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 2.80716  บาทต่อหน่วย  สำหรับสรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี  2565  พบว่ามีรายได้รวมเท่ากับ  187.2 ล้านบาท  ลดลง 2.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 10.0% จากไตรมาสก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่   144.3 ล้านบาท   ลดลง 3.4%  จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน  แต่เพิ่มขึ้น  10.0%  จากไตรมาสก่อน  สำหรับปี 2565  กองทุนมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 631.4 ล้านบาท ลดลง 3.7% จากปีก่อน โดยในปี 2565 กองทุนมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกน้ำท่วมในปี  2563  ที่โครงการหันทราย  ซึ่งบันทึกเข้ามาตามความคืบหน้าของงานที่จำนวน  19.8  ล้านบาท (จากจำนวนเงินตามแผนการเปลี่ยนแผงทั้งหมดที่อนุมัติที่  20.4   ล้านบาท)  ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และอยู่ระหว่างการติดตามค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทรับประกันภัย ทั้งนี้ กองทุนมีอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ 79.0% เพิ่มขึ้นจาก 78.8% ในปีก่อน

ทั้งนี้ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ  ปราจีนบุรี  สระแก้ว  พิจิตร   และเพชรบูรณ์    โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค    หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ  เริ่มตั้งแต่วันที่  14  สิงหาคม 2562  จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

BBLAM

23 กุมภาพันธ์ 2566