วิธีเก็บเงินส่งลูกเรียน

วิธีเก็บเงินส่งลูกเรียน

By…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®

BF Knowledge Center

การเก็บเงินให้ลูกด้วยการฝากธนาคารทุกเดือน เป็นที่นิยมมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุค 80s-90s  เพราะการฝากธนาคารในยุคนั้น เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ได้ดอกเบี้ยดี และไม่มีความเสี่ยงเพราะรัฐยังรับประเงินฝากให้ โดยเฉพาะเงินฝากที่ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษและได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บภาษีจากดอกเบี้ยรับ อย่างเงินฝากสินมัธยะหรือเงินฝากทวีทรัพย์ แล้วแต่ชื่อที่ธนาคารจะตั้งขึ้น

ปัจจุบันเงินฝากลักษณะนี้ก็ยังคงมีอยู่ แต่ความนิยมก็ลดลงเพราะให้ผลตอบแทนลดลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน อีกทั้งไม่สามารถฝากเป็นเงินก้อนทีเดียวได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขให้ฝากแบบฝากเป็นประจำทุกเดือนไม่ต่ำกว่า 24 เดือน และยังกำหนดเงินฝากสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท ต่อการฝาก 1 ครั้ง  ทำให้ผู้มีเงินออมที่ต้องการเก็บเงินยาวๆ จึงหันมาให้ความสนใจวิธีฝากแบบอื่นโดยเฉพาะกองทุนรวมกันมากขึ้น

กองทุนรวมน่าสนใจ โดยเฉพาะกองทุนหุ้นเพราะแม้จะไม่มีการคุ้มครองแบบเงินฝากธนาคาร แต่ให้ผลตอบแทนจูงใจกว่า โดยเฉพาะการเก็บออมในระยะยาว ซึ่งพิสูจน์ด้วยข้อมูลในอดีตมากมายแล้วว่าการลงทุนระยะยาวในกองทุนหุ้น เวลาลงทุนที่นานพอจะช่วยลดความผันผวนลงได้ แม้จะไม่ได้รับประกันว่าไม่ขาดทุน แต่ข้อมูลในอดีตมากมายก็ช่วยยืนยัน

ตัวอย่างนี้คือการเก็บเงินเดือนละ 1,000 บาท ทุกต้นเดือนนาน 10ปี (2551 – 2560)รวมเป็นเงินลงทุน 120,000 บาท ในกองทุนบัวแก้ว ซึ่งบริหารโดยกองทุนบัวหลวง ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น โดยสิ้นปี 2560 เงินลงทุนมีมูลค่าอยู่ที่ 257,681 บาท และผ่านช่วงเวลาวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ตลาดหุ้นตกต่ำทั่วโลก และช่วงขาขึ้นหลังจากนั้น เรียกว่าเป็นการลงทุนที่ผ่านช่วงเวลาผันผวนครบทั้งขาขึ้นและขาลง แต่ก็สามารถให้ผลตอบแทนโดยรวมที่น่าพึงพอใจได้

หรือหากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหน ที่ไม่คุ้นเคยกับกองทุนหุ้น ไม่เคยลงทุนหุ้น และไม่สบายใจจากความผันผวนของหุ้น ก็สามารถเลือกกองทุนผสมต่างๆ สำหรับการเก็บออมให้ลูกได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้ลงทุนกองทุนตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว เพราะจะเสียโอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่มีหุ้นผสมอยู่ เพราะการเก็บออมเงินให้ลูกมีระยะเวลานานพอที่จะจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นได้
บางคนเลือกใช้วิธีการซื้อทองคำสะสมไปเรื่อยๆ ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่ราคาทองคำในปัจจุบันการแบ่งซื้อทองทำได้หน่วยต่ำสุดคือ ทองรูปพรรณหนัก 1สลึง ราคาประมาณเกือบ 5,000 บาท ซึ่งค่อนข้างสูงและมีค่ากำเหน็จเวลาซื้อ ทำให้การซื้อสะสมรายเดือนทำได้ยากขึ้น และค่าใช้จ่ายสูง

เหนือสิ่งอื่นใดที่ต้องพิจารณาสำหรับการสะสมทองคำคือ ทองคำเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าในตัวเอง แต่ออกดอกออกผลไม่ได้ ไม่มีเงินปันผล ไม่มีดอกเบี้ยให้ กำไรขาดทุนมาจากราคาของทองคำเท่านั้น ขณะที่การลงทุนในหุ้นผ่านกองทุนหุ้นมีโอกาสได้ผลประโยชน์งอกเงย จากเงินปันผล จากมูลค่าของกิจการที่เติบโต  หรือการฝากธนาคาร พันธบัตร หุ้นกู้  ก็ยังให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ฝาก ผู้ซื้อ ดังนั้นการสะสมทอง จะมีมูลค่าจากการสะสมต่อเนื่อง การจะได้ผลตอบแทนมากหรือน้อยจะขึ้นกับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำเป็นสำคัญ

การลงทุนเพื่อลูก เป็นการลงทุนระยะยาว ค่อยๆ เก็บ ค่อยๆ สะสม ถ้าเริ่มต้นตั้งแต่แรกเกิด ก็มีเวลาประมาณ 12 ปี กว่าลูกจะขึ้นชั้นมัธยม หรือนานถึง 15 ปี กว่าลูกจะเข้ามัธยมปลาย ณ เวลานั้น พ่อแม่ที่วางแผนเก็บออมเงินให้ลูกตั้งแต่ต้น ก็น่าจะมีเงินสะสมเพียงพอที่จะเลือกได้ว่าจะส่งเขาไปฝึกภาษาที่ต่างประเทศดี หรือเข้าแคมป์ดีๆ เพื่ออนาคตของเขาได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด