Fund Comment – EQUITY (กันยายน 2560)

 

ภาพรวมตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นไทยยังทยอยปรับขึ้นในเดือนกันยายน และนักลงทุนต่างชาติได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย ด้วยมูลค่าการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในเดือนนี้กว่า 6,500 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นรายเดือนนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เป็นสัดส่วนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความคาดหวังต่อการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยนั้นมีสัญญาณที่ดีขึ้นทั้งในภาคการส่งออก การลงทุนเอกชน และการบริโภคในประเทศ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไปถึงปีหน้า

ตลาดที่ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลการแรงซื้อหุ้นกลุ่ม Big Cap ที่กระจายไปในหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อ เป็นต้น ซึ่งแม้หุ้นเหล่านี้จะปรับตัวขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานของปี 2018 ขณะที่หุ้นซึ่งเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจไทยอย่างหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นั้นนับว่ายังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก และผลประกอบการในไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2017 น่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งน่าจะทำให้มีการทยอยปรับการคาดกาณณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนได้สูงขึ้นในอนาคต เมื่อประกอบกับการที่นายกรัฐมนตรีประกาศจะมีการเลือกตั้งในปี 2561ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ในช่วงหลังจากนี้

ด้านความเสี่ยงในช่วงนี้ ยังไม่เห็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญต่อตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยในประเทศนั้นส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนตลาดมากกว่า ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศนั้น FED ได้ส่งสัญญาณที่จะปรับลดการถือครองสินทรัพย์ (Balance Sheet Normalization) โดยตั้งเป้าลดการถือครองทรัพย์ให้เหลือ 2-2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2021 จากปัจจุบัน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ผ่านมาถือว่าออกมาค่อนข้างดี และการดำเนินการดังกล่าวน่าจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป นักลงทุนจึงไม่ได้กังวลกับปัจจัยนี้เท่าใดนัก ตราบเท่าที่ตัวชี้วัดต่างๆ ยังแสดงถึงการขยายตัวที่ดี จึงเชื่อว่า ระดับผลกระทบของลดขนาดงบดุลของเฟดต่อตลาดหุ้น น่าจะมีไม่มาก