ช้อปปิ้งด้วย AI เทรนด์ใหม่ที่มาแรง

ช้อปปิ้งด้วย AI เทรนด์ใหม่ที่มาแรง

By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

‘ปัญญาประดิษฐ์’ (Artificial Intelligence: AI) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยียอดฮิตที่ภาคธุรกิจทยอยนำมาประยุกต์ใช้ และเริ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

PwC ได้จัดทำผลสำรวจ Global Consumer Insight Survey 2018 ซึ่งนำเสนอเกี่ยวกับ AI กับการเข้าถึงผู้บริโภคเอาไว้ โดยระบุว่า มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ AI ในภาคสินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีกอย่างมาก มีผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นใช้วิธีการซื้อขายด้วยเสียง หรือ “voice commerce” ผ่านอุปกรณ์ภายในบ้านเพื่อสั่งซื้อวัตถุดิบหรือสินค้าในครัวเรือน

ขณะที่ AI สามารถช่วยศูนย์จำหน่ายสินค้าตรวจสอบดูสินค้าในคลังได้แบบเรียลไทม์ ปรับปรุงเทคนิคการจัดวางสินค้า พร้อมกับปรับปรุงด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง โดยเชื่อว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า ใครที่เคลื่อนมาทางนี้เร็วที่สุดจะได้ประโยชน์กว่ากลุ่มที่ยังคงล้าหลังอยู่

ทั้งนี้ จากผลสำรวจ PwC ยับพบอีกว่า ผู้บริโภคในเอเชียเป็นกลุ่มที่พร้อมนำอุปกรณ์ AI มาใช้ช้อปปิ้งมากที่สุด เช่น

  • ตลาดจีน 21% มีอุปกรณ์ AI เป็นของตัวเองแล้ว อีก 52% มีแผนจะซื้อไว้ใช้
  • เวียดนาม 19% มีเป็นของตัวเอง 45% วางแผนจะมี
  • อินโดนีเซีย 18% มีเป็นของตัวเอง 49% วางแผนจะมี
  • ไทย 15% มีเป็นของตัวเอง 44% วางแผนจะมี

จากผลสำรวจ PwC ชีให้เห็นว่า คนเอเชียเปิดรับการใช้เสียงสั่งการผ่านอิเล็คทรอนิกส์ และกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวกับความปลอดภัยน้อย

เมื่อวิเคราะห์ลักษณะของคนที่พร้อมใช้อุปกรณ์ AI ช้อปปิ้ง คือ คาดหวังสูงกับการได้รับสินค้าภายในวันเดียวกัน มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและการวางแผนใช้จ่ายส่วนบุคคล สะดวกที่จะช้อปปิ้งบนออนไลน์โดยไม่กังวลเรื่องความปลอดภัย ต้องการหาประสบการณ์ใหม่ เป็นนักซื้อตัวยง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชอบช้อปและชำระเงินผ่านมือถือ พร้อมเปิดรับการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น เช่าหรือแบ่งปันผลิตภัณฑ์ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล และสุดท้าย ใส่ใจในเรื่องราคาน้อย คือ ไม่ค่อยมานั่งเปรียบเทียบราคาบนเว็บไซต์ต่างๆ แต่พร้อมจะซื้อหากได้แรงบันดาลใจมาจากการอ่านบล็อกต่างๆ บนออนไลน์

PwC ยังประเมินอีกว่า AI ไม่ได้มีผลเพียงแต่สถานที่ที่ผู้บริโภคใช้ช้อปปิ้ง แต่ยังมีผลทางด้านผู้ค้าปลีกในการส่งสินค้าด้วย โดยมีการนำเทคโนโลยียานพาหนะอัตโนมัติ เช่น หุ่นยนต์ส่งของภาคพื้นดิน และโดรน มาบริหารจัดการงานในคลังสินค้าและงานโลจิสติกส์มากขึ้น เพื่อปรับปรุงการส่งสินค้าไปถึงมือผู้บริโภค ซึ่งจากผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคกว่า 40% เชื่อมั่นกับการใช้วิธีส่งสินค้าด้วยโดรน โดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าไม่แพง

ที่ผ่านมาภาคค้าปลีกได้นำเทคโนโลยีโดรนมาใช้แล้ว ได้แก่ อเมซอน ที่ทดสอบโดรนมาหลายปี หรือ เจดีดอทคอม ในจีนที่นำโดรนมาส่งสินค้าในพื้นที่ชนบท หรือ Postmates ผู้ให้บริการส่งถึงที่ตามความต้องการ ได้เป็นพันธมิตรกับ Starship Technologies ผู้พัฒนาหุ่นยนต์ส่งของ เพื่อทดสอบใช้ยานพาหนะไร้คนขับส่งของในกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งหุ่นยนต์นี้ใช้ในการขนส่งระยะทางไม่ไกล

ในระยะต่อไปนั้น ประเมินว่า จะเกิดการนำ AI ไปรวมกับอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ (Internet of Things : IoT) และเทคโนโลยีการจดจำภาพ ซึ่งจะกลายเป็นเทคโนโลยียุคถัดไปที่จะมาเปลี่ยนวิถีสินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีก โดยเทคโนโลยีนี้จะอยู่ทั้งในบ้าน ในร้านค้า และช่วยให้องค์กรได้ข้อมูลผู้บริโภค

เมื่อ AI คืบคลานเข้ามาใกล้ตัวทุกคนมากขนาดนี้ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตคน พร้อมกับเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจได้ เราก็จำเป็นต้องเรียนรู้ไปกับความสามารถของ AI ที่ยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่