เปิด 11 ตัวอย่างอุตสาหกรรม นำ AI ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจสู่ทศวรรษหน้า

เปิด 11 ตัวอย่างอุตสาหกรรม นำ AI ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจสู่ทศวรรษหน้า

By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัว แต่ก็ยังเป็นไปอย่างช้าๆ และยังต้องอาศัยมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล มาช่วยกระตุ้น ขณะที่การปรับตัวเร่งนำเทคโนโลยีมาเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้รวดเร็วขึ้น พร้อมฝ่ามรสุมปัจจัยผันผวนที่มีมาให้เผชิญอย่างไม่หยุดหย่อนได้นับจากนี้

Allianz Global Investors นำเสนอรายงานเรื่อง “2018 Oultlook for Global Artificial Intelligence” ไว้อย่างน่าสนใจ โดยประเมินว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกต่อจากนี้จะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีการทำงานแบบอัตโนมัติขั้นสูงอื่นๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้บริษัทใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้กระบวนการธุรกิจคล่องตัวขึ้น และเชื่อว่าจะเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ ต่อไป โดยเฉพาะ AI ถือตัวแปรสำคัญที่จะมีผลกระทบมากในทศวรรษข้างหน้า

สำหรับความต้องการเทคโนโลยี AI คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีการพัฒนาใหม่ๆ บนพื้นฐานเทคโนโลยี AI ทุกเดือน แม้สิ่งเหล่านี้จะยังเห็นผลที่เกิดกับบริษัทหรือตลาดน้อยอยู่ แต่ผลจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ตามพัฒนาการของ AI ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดย Allianz Global Investors ยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ที่เกิดขึ้นแล้วใน 11 อุตสาหกรรม ซึ่งน่าสนใจมาก ดังนี้

1.โฆษณา

ใช้เทคโนโลยี Machine Learning Algorithms หรือเครื่องมือที่เรียนรู้ด้วยตัวเองในกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ เพื่อนำเสนอโฆษณาที่ตอบโจทย์เฉพาะตัวบุคคล โดยนำปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาวิเคราะห์ ได้แก่ อายุ พื้นที่ที่อยู่ ความชื่นชอบพิเศษ ไลฟ์สไตล์ และประวัติการซื้อ ขณะที่ AI เข้าไปช่วยในเรื่องของการนำเสนอแคมเปญโฆษณาแบบเรียลไทม์ คัดกรองโฆษณาที่ไม่เหมาะสมกับบุคคลนั้นออกไป พร้อมกับแนะนำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจให้กับลูกค้า

2.การเกษตร

บริษัทต่างๆ มีการใช้โดรนขับเคลื่อนอัตโนมัติ ช่วยเกษตรกรสำรวจที่ดินของพวกเขา ด้วยการถ่ายภาพเพื่อดูความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่แต่ละจุด คำนวนปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่ปลูก พร้อมกันนี้ยังใช้ AI เพื่อปรับปรุงผลตอบแทนที่จะได้จากการปลูก ด้วยการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม สถานการณ์วัชพืชและโรคระบาด

3.การบินและอวกาศ

ระบบ AI ขับเคลื่อนเครื่องบินอัตโนมัติรุ่นต่อไปจะผ่านการฝึกฝนโดยนักบินจริงๆ ข้อมูลจากเซนเซอร์หลักพันจุดในเครื่องบินจะถูกประมวลผลโดย AI บนคลาวด์เพื่อจับตาดูการดำเนินงานในเที่ยวบินนั้นๆ และเพิ่มความปลอดภัยด้วยคาดการณ์การซ่อมบำรุง

4.ยานยนต์

วันนี้ก็เริ่มได้รับประโยชน์จากการใช้ระบบช่วยเหลือคนขับขั้นสูง เช่น การส่งสัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน เบรคอัตโนมัติ และการช่วยดูขณะจอดรถ เทสล่า บีเอ็มดับเบิลยู เมอร์เซเดส-เบนซ์ และอินฟินิที ปัจจุบันก็นำเสนอยานยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ มีการนำยานยนต์ไร้คนขับวิ่งบนถนนสาธารณะ และเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะพัฒนาจนสามารถสร้างรถยนต์ไร้คนขับออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2020-2025

5.การศึกษา

มีการใช้ระบบครูอัจฉริยะ เพื่อลดต้นทุนและอนุญาตให้นักเรียนหลายคนเข้ามาใช้ประโยชน์ได้จากการวางโครงสร้างการสอนแบบตอบโจทย์เฉพาะบุคคล และยังมีการนำ AI มาใช้สำหรับการทำงานด้านการให้คะแนนกับนักเรียนซึ่งปกติต้องใช้เวลามาก เพื่อให้ครูไปใช้เวลาได้มากขึ้นกับการเตรียมการสอนและมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน

6.พลังงาน

หลายบริษัทนำ AI มากำหนดตำแหน่งในการขุดเจาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขุดเจาะ โดยรวมข้อมูลการปฏิบัติงานและสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์สำหรับการทำนายถึงการหยุดชะงักของงานขุดเจาะที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังใช้ AI ช่วยในการคำนวนความต้องการและสร้างสมดุลในด้านพลังงานด้วยการใช้แหล่งพลังงานทางเลือก เช่น ลม และแสงอาทิตย์

7.การเงิน

สถาบันการเงินหลายแห่งลงทุนใน AI รวมถึงบล็อคเชน ระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายในเครือข่ายไม่ใช่รวมไว้ที่ศูนย์กลางเดียว เพื่อสร้างวิธีการที่ล้ำหน้ากว่าสำหรับให้บริการลูกค้าของพวกเขาและทำให้ระบบปฎิบัติงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่ง ก็มีหุ่นยนต์ให้คำแนะนำ (โรโบ แอดไวเซอร์) มาช่วยให้เข้าถึงกลุ่มคนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงผู้ให้คำแนะนำทางการเงิน ครอบคลุมตลาดระดับล่างด้วย

ทั้งนี้ AI จะเข้าไปช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากหลากหลายแหล่งที่มา เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของผู้ขอสินเชื่อมากกว่าการพิจารณาคะแนนเครดิต พร้อมกันนี้ ยังมีเครื่องมือเฝ้าระวังที่เป็น AI ที่ถูกนำมาใช้เพื่อลดการฉ้อฉล หลอกลวงและอาชญากรรมทางการเงิน ขณะที่สถาบันการเงินจำนวนมากปัจจุบัน ก็นำเครื่องมืออัตโนมัติที่ได้รับอนุญาตเพื่อใช้ในการตัดสินใจรายวัน ในส่วนของบล็อคเชนก็ถูกนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงคุณภาพข้อมูลและการทำธุรกรรมให้ดีขึ้น

8.สุขภาพ

ในกลุ่มนี้ AI ถูกนำมาใช้ฝึกอบรมการดูภาพเอ็กซ์เรย์ และการวิเคราะห์การรักษาผู้ป่วยให้มีความถูกต้องมากกว่ามนุษย์ เช่น ในโรคมะเร็ง วัณโรค เบาหวาน ปอดบวม การติดเชื้อในกระแสเลือด ฝึกฝนให้คาดการณ์ปฏิกิริยาตอบรับทางเคมี เพื่อคิดค้นยาตัวใหม่ โดยรวมแล้ว AI ก็จะเป็นเหมือนผู้ช่วยให้แพทย์ทำงานได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มคุณภาพการดูแลสุขภาพในอนาคต

9.กฎหมาย

AI เข้าไปมีส่วนช่วยนักกฎหมายในการจำลองการพิจารณาคดีของศาลบนพื้นฐานข้อมูลที่ลูกค้าให้มา ข้อโต้แย้งและข้อกฎหมายที่มี ขณะที่ศาลเองก็ใช้ AI เพื่อช่วยพวกเขาในการกำหนดวงเงินประกันตัว ช่วงเวลาการจำคุก และการให้โอกาสทัณฑ์บน

10.ภาคการผลิต

มุมมองของเครื่องและการจดจำภาพของ AI นำมาใช้เพื่อระบุลักษณะของผลิตภัณฑ์แบบเรียลไทม์ นับจำนวนสินค้า และตรวจสอบคุณภาพสินค้า ขณะที่การทำงานร่วมกันระหว่างหุ่นยนต์กับ AI และเทคโนโลยีที่ทำงานได้เพียงสัมผัสแบบเบาบาง ก็จะมีมนุษย์เข้าไปช่วยให้สิ่งเหล่านี้เรียนรู้และปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น

11.ค้าปลีก

ผู้ค้าปลีกนำ AI และเครื่องที่เรียนรู้ด้วยตัวเองมาใช้ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์เฉพาะบุคคลกับลูกค้า โดยพลังของ AI ในทุกวันนี้สามารถจะตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ และพร้อมใช้งานเมื่อคุณเดินไปที่หน้าร้านค้า ส่วนการเรียนรู้ในเชิงลึกก็ถูกใช้เพื่อให้เข้าใจลูกค้าแต่ละคนได้ดีขึ้น พร้อมค้นหาสินค้าที่เหมือนกันแต่มีคุณลักษณะที่แตกต่างกันได้ เช่น การแยกแยะสี นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ 3 มิติ และความจริงเสมือน (Augmented Reality: AR) ที่ใช้เป็นเหมือนห้องลองเสื้อเสมือนจริงเพื่อให้นักช้อปได้รับประสบการณ์ที่ดูล้ำสมัยขึ้นก่อนจะซื้อ

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ของการใช้ AI ควบคู่กับเทคโนโลยีอื่นเพื่อนำพาธุรกิจมุ่งสู่อนาคต ซึ่งไม่ว่าภาคธุรกิจใดก็ตาม ที่วันนี้ยังมองไม่เห็นความสำคัญของ AI ควรเริ่มต้นเห็นความสำคัญและหาจังหวะเข้าไปคว้าโอกาสเติบโตในยุคหน้าด้วย AI ได้แล้ว