ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 11

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 11

สถาบัน Brookings ของสหรัฐได้ศึกษาเพื่อที่จะได้ภาพของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนในยุคมิลเลนเนียล (เกิดระหว่างปี 1982-1997)ว่า จะมีอิทธิพลอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก คนรุ่นมิลเลนเนียลมีจำนวน 80-90 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และสิ่งที่พวกเขาชอบ หรือนึกคิดจะเป็นพลังขับดันการผลิต และกลยุทธ์การตลาดในอีกอย่างน้อย 20 ปีข้างหน้า คนยุคมิลเลนเนียลอาจจะไม่จริงจังกับเรื่องการแต่งงาน หรือการเป็นเจ้าของบ้าน แต่พวกเขาเป็นคนรุ่นแรกที่รู้ภาษาดิจิทัล โดยที่รายได้ของพวกเขาจะมีมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมกันในปี 2030

มีคำกล่าวว่า โครงสร้างประชากรเป็นโชคชะตา สหรัฐอเมริกามีคนที่เกิดในยุคมิลเลนเนียลในสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับโลกใบนี้ จีนมีมิลเลนเนียลถึง 400 ล้านคน และในเอเชียมีคนยุคมิลเลนเนียลมากกว่า 1,000 ล้านคน พูดให้ชัดลงไป ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือเศรษฐกิจกำลังพัฒนามีสัดส่วนของคนยุคมิลเลนเนียลถึง 86% ของทั้งโลกรวมกัน

ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากว่าเรามีบริษัทที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ หรือความต้องการของคนยุคใหม่ที่อยู่ในวัฒนธรรมโลกใหม่ เราต้องมีฐานอยู่ในเอเชีย

ทางสถาบัน Brookings ได้ศึกษาคนยุคมิลเลนเนียลด้วยการสำรวจใน 22 ประเทศ ที่มีสัดส่วน 70%ของประชากรโลก ทำให้เห็นภาพว่าคนยุคมิลเลนเนียลจะมีอิทธิพลต่อโลกสูงกว่าที่หลายคนคิดหรือเข้าใจ

เมื่อพูดถึงรายได้รวม หรืออำนาจการซื้อ คนยุคมิลเลนเนียลจะครองแชมป์ในระยะกลาง ส่วนคนยุค Next Generation (คนที่เกิดระหว่างปี 2000-2020) จะเป็นคลื่นลูกต่อไปที่จะตามมาและจะแซงหน้า Generation X (เกิดระหว่างปี 1961 ถึงต้น 1981)ภายในปี 2035

เมื่อถึงปี 2035 คนจีนยุคมิลเลนเนียลจะมีรายได้รวมมากกว่าคนอเมริกันมิลเลนเนียล โดยที่คนอินเดียมิลเลนเนียลจะมาอันดับ3 ด้วยเหตุนี้ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่างๆ ต้องเข้าในทัศนคติ ความคิดความอ่าน ความชอบไม่ชอบ หรือไลฟ์สไตล์ของคนมิลเลนเนียลทั้งในจีนและอินเดียที่จะกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และจะเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญที่สุด

รายงานของ Brookings สรุปสถานการณ์ของคนในยุคมิลเลนเนียลในประเทศอื่นๆ พบว่าเมื่อถึงปี 2035 รายได้บวกทบทุกๆ ปีของคนมิลเลนเนียลในปากีสถาน จะมีรายได้มากกว่าคนมิลเลนเนียลในอิตาลีและสเปนรวมกัน

ปี 2035 รายได้ต่อปีบวกทบกันจากวันนี้ของชาวบังคลาเทศมิลเลนเนียลจะเพิ่ม 104% โดยจะมีรายได้ต่อหัว 5,800 ดอลลาร์สหรัฐ

ปี2035 รายได้ต่อปีบวกทบกันจากวันนี้ของชาวอินโดนีเซียมิลเลนเนียลจะเพิ่ม 84% โดยรายได้ต่อหัวคือ 11,600 ดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2035 รายได้บวกทบกันจากวันนี้ของชาวฟิลิปปินส์มิลเลนเนียลจะเพิ่ม 77% หรือมีรายได้ต่อหัว 12,400 ดอลลาร์สหรัฐ

ปี 2035 รายได้ต่อปีบวกทบทุกปีจากวันนี้ของคนไทยมิลเลนเนียลจะเพิ่ม 51% เป็นรายได้ต่อหัว 13,200 ดอลลร์สหรัฐ

นี้คือเทรนด์ใหม่ของโลก ที่ผู้บริโภคยุคมิลเลนเนียลจะมีบทบาทสูงในการกำหนดเศรษฐกิจ หรือธุรกิจที่ต้องปรับตัวเข้าไลฟ์สไตล์ หรือความต้องการของกลุ่มผู้มีอำนาจซื้อนี้ ที่พร้อมที่จะใช้จ่ายเพื่อความสะดวกสบาย ยกตัวอย่างเช่น อิเกียของสวีเดนจะเป็นหนึ่งในผู้ชนะในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งบ้านของคนยุคมิลเลนเนียล ที่เน้นความสะดวกสบาย ประโยชน์ใช้สอย คุณภาพดีแต่ราคาไม่แพง