Product update: กองทุนเปิดบัวหลวงที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

Product update: กองทุนเปิดบัวหลวงที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

Market Overview : มิถุนายน 2018

  • กระแสเงินลงทุนไหลออกจากต่างชาติยังเป็นแรงกดดันให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น รวมถึงความกังวลเรื่อง Trade war ทำให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอยู่ในโหมด Risk off ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนปรับตัวลดลงร้อยละ 3.00 ถึง 7.50 ในเดือน มิ.ย.
  • ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มค้าปลีก ลดลงร้อยละ 9.88 จากความผิดหวังของตัวเลขการเติบโตยอดขายในสาขาเดิมของบางบริษัทขนาดใหญ่ ตามด้วยกลุ่มสื่อสารปรับตัวลดลงร้อยละ 9.06 จากความไม่แน่นอนในการประมูลคลื่นความถี่ และกลุ่มพลังงาน ปรับตัวลดลงร้อยละ 7.57 เพราะที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่ากลุ่มอื่น จึงถูกขายทำกำไร
  • แม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศผู้นำอย่างสหรัฐอเมริกา จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงและความตึงตัวทางการค้าโลก (Trade Tension) ยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ผลตอบแทนของเงินปันผลจากตลาดหุ้นยังคงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 เติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยหากผลประกอบการในไตรมาส 2 ออกมาผิดหวังกว่าคาด ตลาดอาจจะมีการตอบรับในเชิงลบ กลยุทธ์การเลือกหุ้นรายตัวจึงมีความสำคัญต่อการลงทุนในระยะนี้

มุมมองตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค ซึ่งกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติมีน้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างสูง ตลอดเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูงถึง 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐ จนเป็นแรงผลักดันให้ผลตอบแทนตลาดติดลบ อย่างไรก็ตาม เมื่อผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวดีอีกครั้ง เราคาดการณ์ว่ากระแสเงินลงทุนจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดหุ้นของภูมิภาคอาเซียน โดยที่ผ่านมาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ลดลงจากระดับ 17.5 เท่าในต้นเดือน มิ.ย. ลงมาอยู่ที่ระดับ 15 เท่าในช่วงสิ้นเดือน มิ.ย. เรามองว่าเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาวของตลาดหุ้นไทย

ปัจจัยทั้งบวก/ลบต่อกองทุน

(+) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ 5 คน ซึ่งเพียงพอที่จะทำหน้าที่ตามกฎหมายได้ ดังนั้น การเลือกตั้งจึงน่าจะเป็นไปตามโรดแมพที่วางไว้ในช่วงต้นปี 2019 ได้
(+) นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศ เช่น ตัวเลขส่งออกเดือน พ.ค. ขยายตัว 11% อีกทั้ง กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับตัวเลขการส่งออกปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นเติบโต 9% จากเดิมคาดโต 8% และ กนง.ปรับคาดการณ์ GDP Growth ปี 2018 เพิ่มขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.4% ประกอบกับนักลงทุนเชื่อมั่นว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังมีอัตรากำไรในทิศทางที่ดี
(+/-) แม้ Fund Flow ยังมีโอกาสไหลออก ตามทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาดของสหรัฐ หลังเผชิญกับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการปรับพอร์ตลงทุนของต่างชาติ แต่ด้วยแรงขายหุ้นในภูมิภาครวมถึงไทยน่าจะมีโอกาสจำกัด โดยสะท้อนจากการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติที่อยู่ระดับ 30% ซึ่งถือว่าต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่ 36.88% เมื่อเดือน มี.ค. 2012
(-) ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้า นโยบายกีดกันการลงทุนของสหรัฐและประเทศคู่ค้าหลัก และอาจขยายไปสู่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อตลาด

กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน

การลงทุนในหุ้นจะเน้นบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง และมีแนวโน้มการจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้จัดการกองทุนได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นในช่วงที่ตลาดผันผวนและราคาหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพดีลดต่ำลงกว่าราคาที่ควรจะเป็น รวมถึงได้ลดสถานะการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ราคาหุ้นขึ้นมามากกว่าราคาที่ควรจะเป็น และ/หรือแนวโน้มของอุตสาหกรรมหรือบริษัทอาจแย่ลงในอนาคต เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธนาคาร พลังงาน โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรมพาณิชย์ การแพทย์ อาหาร/เครื่องดื่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ การเพิ่มหรือลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมหรือรายบริษัท จะขึ้นอยู่กับกรอบนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้นๆ ด้วย

ผลการดำเนินงานและความผันผวนของผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 พ.ค. 2018