สภาเศรษฐกิจโลกชี้คนอเมริกันรายได้สูงไม่ค่อยลงทุนคริปโตเคอเรนซี

สภาเศรษฐกิจโลกชี้คนอเมริกันรายได้สูงไม่ค่อยลงทุนคริปโตเคอเรนซี

รายงานของสภาเศรษฐกิจโลก ชี้ว่า จากการสำรวจของ Gem แอปพลิเคชันเกี่ยวกับ คริปโตเคอเรนซี และบริษัทวิเคราะห์วิจัย Harris Insights สะท้อนว่า 8% ของคนอเมริกันเท่านั้นที่ลงทุนในคริปโตเคอเรนซี เช่น บิทคอยน์ อีเธอเรียม และไลท์คอยน์ โดยการสำรวจครอบคลุมผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 2,000 คน นอกจากนี้ยังพบว่า 41% ของกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามนั้น ระบุว่า พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่ามีแรงกระตุ้นใดๆ ที่จะทำให้เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเลย

ทั้งนี้ การสำรวจมีขึ้นระหว่างปีในช่วงที่มูลค่าของคริปโตเคอเรนซี ซึ่งรวมทั้งบิทคอยน์ ร่วงลงจากที่เคยทำสถิติสูงสุด 20,000 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือน ธ.ค. 2017 ขณะที่ข้อมูลเมื่อวันที่ 22 ส.ค. พบว่า ราคาบิทคอยน์ยืนอยู่ที่ระดับ 6,300 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2017 เรื่องคริปโตเคอเรนซี ก็คือ ความกังวลว่าจะกำกับบิทคอยน์และสิ่งที่เรียกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อย่างไร ซึ่งปัจจุบันในสหรัฐ หน่วยงานกำกับก็ได้พยายามจะกำกับคริปโตเคอเรนซี ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ หมายความว่าคริปโตเคอเรนซีตกอยู่ในสถานะที่ไม่แน่นอนแล้ว

สำหรับ สิ่งที่น่าสนใจอื่นที่พบจากการทำวิจัยคือ ผู้ที่มีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี มีจำนวนน้อยมากที่ลงทุนในคริปโตเคอเรนซี เมื่อเทียบกับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า โดยจากการสำรวจพบว่า 6% ของคนที่ถือคริปโตเคอเรนซี คือคนที่มีรายได้ครัวเรือนมากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขณะที่ 11% เป็นคนที่มีรายได้ระหว่าง 50,000-74,900 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผู้ที่มีสัดส่วนการถือคริปโตเคอเรนซีสูงๆ คือคนที่มีรายได้น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

Micah Winkelspecht ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Gem กล่าวว่า เราพบว่า คนหนุ่มสาวที่มีรายได้น้อยเป็นกลุ่มที่จะใส่เงินไปกับคริปโตเคอเรนซี ซึ่งก็คงเป็นเพราะคนรุ่นใหม่เป็นรุ่นที่เกิดมาพร้อมดิจิทัลและทำทุกสิ่งทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ต
เขา มองว่า ปรากฎการณ์ของคนที่มีความมั่งคั่งน้อยเข้าไปสู่คริปโตเคอเรนซีเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอยากรวยเร็ว ก็เหมือนกับคนรายได้น้อยที่มักจะเข้าไปสู่วงจรการเสี่ยงโชคผ่านการหมุนวงล้อล๊อตเตอรี่