มาเรียนรู้กองทุนบัวแก้วกันเถอะ

มาเรียนรู้กองทุนบัวแก้วกันเถอะ

 

มาเรียนรู้กองทุนบัวแก้วกันเถอะ

โดย…ศรศักดิ์ สร้อยแสงจันทร์

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน

BF Knowledge Center

กองทุนบัวแก้ว เป็นกองทุนตราสารทุนหรือกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยมีนโยบายการลงทุนแบบทั่วไป ซึ่งเปิดกว้างให้ลงทุนได้ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ผู้จัดการกองทุนจึงมีโอกาสเลือกลงทุนในหุ้นได้หลากหลายประเภทธุรกิจ ในกองทุนจะมีหุ้นอยู่ประมาณ 40 ตัวขึ้นไป ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตไม่ให้มีความผันผวนสูงเกินไป

หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นที่ลงทุนจะเลือกบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยพิจารณาจากปัจจัยเชิงคุณภาพและปริมาณ

ปัจจัยเชิงคุณภาพ คือ สินค้าและบริการของบริษัทเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค มี Business model หรือรูปแบบการทำธุรกิจที่เข้มแข็ง เป็นผู้นำในตลาด มีส่วนแบ่งการตลาด (Market share) ในระดับต้นๆ ผู้บริหารมีคุณภาพและโปร่งใส มีธรรมาภิบาลในการบริหารกิจการ

ส่วนในเชิงปริมาณ ต้องเป็นบริษัทที่มียอดขายและกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีความสามารถในการทำกำไร เช่น Net Profit Margin ที่สูง ระดับหนี้สินไม่สูงเกินไป และเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่เหมาะอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ บริษัทที่เลือกต้องเป็นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จาก Mega Trend  แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวและบริษัทมีแนวโน้มการเติบโตที่สอดคล้องกับ Theme การลงทุนที่ บลจ.บัวหลวงได้กำหนดไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างมูลค่าของบริษัทให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในระยะยาว อันจะส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้นสไตล์การลงทุนของกองทุนบัวแก้วจะเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่มุ่งเน้นการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น เมื่อคัดเลือกหุ้นที่เหมาะสมได้แล้ว จะถือลงทุน 3-5 ปีขึ้นไป เพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างคุ้มค่า โดยระหว่างทางอาจมีการซื้อ-ขายเพื่อทำกำไรบ้างเป็นบางส่วน หากราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นหรือลดต่ำลงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานและมูลค่าที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหุ้น (Brokerage fee) ไม่สูงเกินไป

กองทุนบัวแก้วเหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนสูงในระดับเฉลี่ย 8-10% ต่อปี สามารถถือลงทุนระยะ 3-5 ปีขึ้นไปได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในระหว่างทาง และต้องสามารถยอมรับหรือทนทานต่อความเสี่ยงจากความผันผวนของมูลค่ากองทุนได้ในระยะสั้น

ในบางช่วงหรือบางปีซึ่งเป็นภาวะปกติผลตอบแทนอาจติดลบ 10-20% ได้ โดยในช่วงที่มีวิกฤตการเงินหรือเศรษฐกิจ มุลค่ากองทุนเคยลดลง 30-40%

ทั้งนี้ กองทุนหุ้นที่มีนโยบายและสไตล์การลงทุนแบบเดียวกันมี 3 กองทุน คือ กองทุนบัวแก้ว กองทุนบัวแก้ว 2 และ กองทุนบัวแก้วปันผล โดย 2 กองทุนแรก เป็นกองทุนที่ไม่จ่ายปันผล นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากมูลค่าหน่วยลงทุนที่สูงขึ้น หรือ Capital gain อย่างไรก็ดี กองทุนบัวแก้ว มีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) สูงกว่าบัวแก้ว 2 เพราะจัดตั้งก่อน จึงลงทุนสะสมกำไรได้มากกว่า ส่วนกองทุนบัวแก้วปันผล เป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนผู้ถือหน่วย ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาจ่ายปีละ 2 ครั้ง จากกำไรสะสมหรือกำไรจากผลการดำเนินงานตามรอบบัญชีกองทุน ช่วงใดที่กองทุนไม่มีกำไรจึงงดจ่ายปันผล

มูลค่าหน่วยลงทุนของบัวแก้วปันผลจะต่ำกว่า บัวแก้ว และ บัวแก้ว2  เนื่องจากมูลค่ากองทุนลดลงมากในช่วงวิฤตต้มยำกุ้งในปี 1997 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ของสหรัฐในปี 2008 ในปีต่อมาที่กองทุนกลับมามีกำไรและจ่ายปันผลออกไป ทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนลดลงมาตามจำนวนเงินที่จ่ายปันผลออกไป

หากวัดผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์เทียบกันแล้ว ทั้ง 3 กองทุนให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกันมาก เพราะมีนโยบายและสไตล์การลงทุนแบบเดียวกัน ลักษณะและสัดส่วนหุ้นในพอร์ตก็คล้ายคลึงกันมาก