อี-คอมเมิร์ซเพิ่มโอกาสธุรกิจขนาดเล็ก-กลางเข้าถึงตลาดโลก

อี-คอมเมิร์ซเพิ่มโอกาสธุรกิจขนาดเล็ก-กลางเข้าถึงตลาดโลก

สภาเศรษฐกิจโลกนำเสนองานศึกษา เรื่องการขนส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซ ในยุคเปลี่ยนผ่านโลจิสติกส์ โดยชี้ว่า อี-คอมเมิร์ซ ได้เพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดกลางในการเข้าถึงตลาดโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ธุรกิจขนาดเล็กสามารถค้าขายกับลูกค้าและพันธมิตรจำนวนมากขึ้นกว่าอดีต โดยที่บริการด้านโลจิสติกส์และการส่งสินค้ามีความสำคัญมาก เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่ถูกสั่งผ่านออนไลน์จะถึงมือลูกค้า และสามารถส่งคืนกลับได้ถ้าได้รับสินค้าไม่ถูกต้องหรือเสียหาย

ในงานศึกษานี้ อธิบายว่า อี-คอมเมิร์ซ เปลี่ยนผ่านธุรกิจค้าปลีกให้แตกต่างจาก 20 ปีที่ผ่านมา ผู้เล่นที่ทุกคนรู้จักกันดีต้องปรับโครงสร้างครั้งใหญ่หรือล้มหายไป เพราะได้รับผลกระทบจากผู้เล่นใหม่ๆ บนออนไลน์ แพลตฟอร์ม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลมาจากอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทำให้เกิดร้านค้าที่เปิดได้แบบ 24 ชั่วโมง 7 วัน ผ่านแล็ปท็อปและอุปกรณ์มือถือ อีกทั้งเพิ่มความสามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ ราคา และสามารถขนส่งสินค้าให้ผู้บริโภคถึงหน้าประตูบ้าน

เมื่อให้มองอนาคต คาดว่า เวลาขนส่งสินค้าจะยิ่งสั้นลงอีก อาจเป็นภายในวันเดียว ในแค่ 1-2 ชั่วโมงก็ได้ เป็นผลจากผู้บริโภคมีความคาดหวังมากขึ้น และผู้บริโภคก็มีความต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นในด้านการเลือกรูปแบบการส่งสินค้าที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากกว่าจะเป็นไปตามกระบวนการของบริษัทในการจัดส่ง โดย เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญกับการปิดช่องว่างนี้ เป็นตัวนำในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความสะดวกทั้งผู้ขนส่งและผู้รับสินค้า โดยการขนส่งทางเลือกที่กำลังถูกพัฒนา เช่น ส่งผ่านล็อคเกอร์ ส่งถึงรถ และส่งผ่านเครือข่ายที่รับฝากและให้มารับสินค้ากำลังเติบโตมากสำหรับธุรกิจค้าปลีก เพื่อให้แน่ใจว่าจะส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซถึงมือผู้บริโภคได้ ขณะที่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์หลายเจ้าก็พยายามจัดหาบริการขนส่งที่มีมูลค่าเพิ่มมาเติมเต็ม

ด้านการขนส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดนก็กำลังเติบโต ได้รับความนิยมมากสอดคล้องกับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยบริษัทที่ปรึกษา Forrester คาดการณ์ว่า อี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของโลกจะเติบโต 17% ระหว่างปี 2017-2022 สูงกว่าเมื่อเทียบกับการเติบโตของอี-คอมเมิร์ซโดยรวมซึ่งจะเติบโต 12% ขณะที่ DHL รายงานว่า ยอดอี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดน คิดเป็น 15% ของยอดบริการที่มาจากอี-คอมเมิร์ซแล้ว และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 22% ในปี 2020

ทั้งนี้ การศึกษาสรุปว่า อี-คอมเมิร์ซ ได้เชื่อมโยงผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางกับตลาดระดับนานาชาติ เป็นการทำงานท่ามกลางอุปสรรคทางด้านภาษา ค่าเงินที่แตกต่างกัน และอุปสรรคในการขนส่งทางเรือ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เป็นประโยน์ต่ออี-คอมเมิร์ซโลก ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสอี-คอมเมิร์ซทั่วโลกให้ผู้เล่นทุกขนาดธุรกิจ ประเด็นเหล่านี้จะต้องถูกปรับแก้ไขให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งครอบคลุมทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการด้านโลจิสติกส์ การขนส่ง ระบบการชำระเงินออนไลน์ การเชื่อมโยงกัน และความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูลข่าวสารข้ามพรมแดน อีกสิ่งที่ต้องทำมากขึ้นคือ การทำความเข้าใจกับศักยภาพของประเทศในด้านที่เกี่ยวข้องกับอี-คอมเมิร์ซโลก และเดินหน้าปรับปรุงให้ดีขึ้น