เอดีบีมองตลาดพันธบัตรเอเชียตะวันออกเผชิญความเสี่ยงระยะสั้นแต่จะก้าวข้ามไปได้

เอดีบีมองตลาดพันธบัตรเอเชียตะวันออกเผชิญความเสี่ยงระยะสั้นแต่จะก้าวข้ามไปได้

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ได้ออกรายงานการติดตามตลาดพันธบัตรเอเชีย หรือ Asia Bond Monitor ฉบับล่าสุด ระบุว่า ตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าภูมิภาคนี้จะก้าวข้ามความท้าทายไปได้ หากดำเนินนโยบายและวางแผนนโยบายอย่างระมัดระวัง

สำหรับความเสี่ยงระยะสั้น ได้แก่ การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงโดยรวมอันเกิดจากตลาดเกิดใหม่ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เร็วกว่าคาดการณ์ไว้ ความตึงเครียดทางการค้าที่บานปลาย สถานการณ์สภาพคล่องที่ตึงตัวซึ่งเป็นปัจจัยทำให้ความเสี่ยงจากระดับหนี้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นรวดเร็วของภูมิภาคในช่วงหลายปีมานี้รุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น การอ่อนตัวของค่าเงินในภูมิภาคและการไหลออกของเงินทุนเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินของภูมิภาค

“ข้อกังวลเกี่ยวกับตลาดเกิดใหม่เริ่มเห็นชัดเจนขึ้น แต่รากฐานที่แข็งแรงของภูมิภาคเอเชียจะดึงดูดให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของภูมิภาค ทั้งนี้ผู้วางแผนนโยบายของภูมิภาคจะต้องติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นเสมอ” นายยาซูยูกิ ซาวาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบี กล่าว

ทั้งนี้ ตลาดพันธบัตรของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออก ไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 4.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 โดยมีมูลค่า 12.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา สูงกว่าอัตราการเติบโตในไตรมาส 2 ซึ่งขยายตัว 3.2% มีปัจจัยเกื้อหนุนสำคัญจากการออกพันธบัตรของการปกครองท้องถิ่นของรัฐบาลจีน สำหรับลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยประเทศจีนมีตลาดพันธบัตรที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของเอเชียตะวันออก สิ้นเดือน ก.ย. จีน มีมูลค่าพันธบัตรคงค้าง 9.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 72% ของมูลค่ารวมทั้งภูมิภาค และมีอัตราเติบโต 5.7% เมื่อเทียบสิ้นเดือน มิ.ย.

ในรายงาน ยังชี้ว่า ไตรมาสที่ 3 การถือครองพันธบัตรรัฐบาลโดยนักลงทุนต่างชาติลดลงเล็กน้อยในตลาดเกิดใหม่เกือบทั้งหมดของเอเชียตะวันออก ยกเว้น ฟิลิปปินส์ และจีน ซึ่งจีนมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติถือครองพันธบัตรเพ่มขึ้น เพราะนโยบายเปิดเสรีตลาดพันธบัตร