กองทุนหุ้นที่จ่ายปันผลของกองทุนบัวหลวง

กองทุนหุ้นที่จ่ายปันผลของกองทุนบัวหลวง

กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล (BKD)

กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน (BCAP)

กองทุนเปิดบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล (BSIRICG)

กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 (BBASIC)

BBLAM’s 2019 INVESTMENT THEMES : “รุ่งเรืองด้วยโครงสร้างพื้นฐาน บนสายพานของโลจิสติกส์”

  • ตลาดหุ้นไทยในเดือน ม.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงระดับ 1,641 จุด ปรับตัวขึ้นประมาณ 5% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดต่างประเทศ หลังจากที่เมื่อปลายปีที่แล้ว ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงแรงทำให้ระดับ Valuation ถูกลงจนมีความน่าสนใจ ประกอบกับข้อมูลที่ออกมาของสหรัฐฯ (ซึ่งเป็นประเทศหลักที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ) ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไตรมาส 4/2018 ที่ประกาศมาแล้ว ส่วนใหญ่ค่อนข้างดีกว่าหรือใกล้เคียงกับตลาดคาด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งแรงกดดันต่อตลาดทุนที่สำคัญนั้นลดลง หลังจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ด้วยการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยและปรับแผนการลดขนาดงบดุลโดยขึ้นกับความเหมาะสมต่อสภาวะเศรษฐกิจ ส่วนประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน นั้นเชื่อว่า จะยังคงยืดเยื้อต่อไป แต่ทั้งสองประเทศน่าจะสามารถเจรจาประนีประนอมไม่ให้เกิดผลกระทบรุนแรงมากนัก และคาดว่านักลงทุนจะค่อยๆ ลดความกังวลต่อเรื่องนี้ลง แม้อาจจะมีข่าวที่ทำให้ตลาดเกิดความกังวลบ้าง โดยเฉพาะช่วงใกล้ถึงเส้นตายที่สหรัฐฯ จะใช้มาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในวันที่ 1 มี.ค. ที่จะถึงนี้
  • บรรยากาศตลาดหุ้นที่ดีขึ้นโดยภาพรวม ทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ในภูมิภาคนี้เกือบทุกตลาด โดยตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติสุทธิ 6,580 ล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิเป็นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2018
  • ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้รับแรงหนุนจากการเลือกตั้งหลังมีการเผยแพร่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งและกำหนดวันเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความชัดเจนของวันเลือกตั้งจะเป็นผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยโดยรวม ทั้งจากแนวโน้มการบริโภคภายในประเทศที่ดีขึ้นจากการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะเร่งตัวขึ้นในภายหลัง แต่ประเด็นเรื่องเสถียรภาพการเมืองหลังเลือกตั้งยังคงต้องติดตามกันต่อไป

มุมมองตลาดหุ้นไทย

สำหรับแนวโน้มภาวะตลาดหุ้นใน Q1/2019 นับเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับการลงทุน สำหรับภาวะตลาดหลังจากนี้ อาจจะต้องระมัดระวังการย่อตัวหลังการรีบาวด์ของตลาดสหรัฐฯ ไว้บ้าง แต่หุ้นไทยซึ่งตอนนี้ซื้อขายอยู่ที่ P/E ระดับ 13.5 เท่าของปี 2019 นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ประมาณ 14.2 เท่า ก็อาจจะได้รับผลกระทบที่จำกัดกว่า อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นขนาดใหญ่ที่จะไม่ได้เติบโตได้สูงนักในปี 2019 ก็ทำให้โอกาสที่ตลาดจะถูกซื้อขายที่ Valuation สูงกว่าค่าเฉลี่ยมีจำกัดเช่นกัน จึงเชื่อว่า ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบที่ไม่กว้างนัก แต่การลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดี น่าจะมีโอกาสที่ดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ปัจจัยทั้งบวก/ลบต่อกองทุน

(+) เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2018 ขยายตัว +3.7% YoY ซึ่งแรงขับเคลื่อนมาจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน เป็นสำคัญ ทำให้ GDP ทั้งปี 2018 ขยายตัวที่ +4.1%

(+) แนวโน้มเรื่องสงครามการค้าที่ทางสหรัฐฯ และจีน ส่งสัณญาณดีขึ้น โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตว่าจะเลื่อนเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปจากเส้นตายวันที่ 1 มี.ค.นี้ และยังจะพบปะเจรจาการค้ากับจีนในปลายเดือน มี.ค. ทั้งนี้ ต้องคอยติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป

(+/-) การส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และลังเลในการลด QE ทำให้คาดหมายว่า Fund flow ที่เคยไหลออกจำนวนมากจะเริ่มชะลอตัวตามไปด้วย และกลับมาลงทุนประเทศในเอเชียอีกครั้ง ทั้งนี้ แรงซื้อหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติภายในปี 2019 ณ วันที่ 25 ก.พ. 2019 อยู่ที่ 280.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8,740 ล้านบาท

(+/-) ความไม่แน่นอนในปัจจัยการเมืองภายในประเทศ โดยต้องรอความคืบหน้าของการเลือกตั้ง นโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ รวมถึงแนวโน้มการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งการเมืองไทยยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนต่างประเทศขาดความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน

(-) ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง อาจจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปโตรเคมี ในขณะที่ต้องติดตามปัจจัยต่างประเทศเรื่องความไม่แน่นอนในประเด็น Brexit หลังนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เลื่อนการลงมติของรัฐสภาต่อข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปออกไป

กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน

บัวแก้วปันผล

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกองทุนบัวแก้วปันผล สามารถทำได้ดีที่ 0.57% ในขณะที่ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) -1.42% และเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (SET TRI) ที่ 1.98% โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมที่ติดบวกมากที่สุดในพอร์ต ได้แก่ พลังงานและสาธารณูปโภค (ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น) และพาณิชย์ (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง) ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกระแสเินสดสูง และมีแนวโน้มการจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ โดยได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภค อาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มการแพทย พาณิชย์ ธนาคาร เป็นต้น

บัวหลวงร่วมทุน

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกองทุนบัวแก้วปันผล สามารถทำได้ดีที่ 0.66% ในขณะที่ ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) -1.42% และเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (SET TRI) ที่ 2.08% โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมที่ติดบวกมากที่สุดในพอร์ต ได้แก่ พลังงานและสาธารณูปโภค (ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น) และพาณิชย์ (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง) ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง และมีแนวโน้มการจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ โดยได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภค วัสดุก่อสร้าง ขณะที่ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มพาณิชย์ ธนาคาร เป็นต้น

บัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกองทุนบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาลสามารถทำได้ดีที่ 0.40% ในขณะที่ ดัชนีผลตอบแทนรวม SET High Dividend 30 (SETHD TRI) – 2.19% และเมื่อเปรียบเทียบกับเกณมาตรฐาน (SETHD TRI) ที่ 2.60% โดยผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วงเดือน ธ.ค. ยังคงปรับลดลงจากส่วนของตราสารทุนด้วยสภาวะตลาดที่ค่อนข้างผันผวน โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลุุ่มอุตสาหกรรมที่ติดบวกมากที่สุดในพอร์ต ได้แก่ พลังงานและสาธารณูปโภค (ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น) และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ธุรกิจบริการโทรศัพทมือถือสถานการณต้นทุนจะผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ) ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง และมีแนวโน้มการจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ โดยได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรมเงินทุนและหลักทรัพย์ ธนาคาร ขณะที่ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น

บัวหลวงปัจจัย 4

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกองทุนบัวหลวงปัจจัย 4 เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (SET TRI) ลดลงมากกว่าที่ -1.70% โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมที่ติดลบมากที่สุดในพอร์ต ได้แก่ กลุ่มการแพทย (นโยบายจำกัดราคายากับโรงพยาบาลและปัญหาเฉพาะตัวของบริษัทที่โดน ก.ล.ต.สั่งปรับข้อหาปั่นหุ้น) ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนใช้โอกาสที่ราคาหุ้นปรับลดลงในการเข้าลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพดีที่ราคาลดต่ำลงกว่าราคาที่ควรจะเป็น รวมถึงได้มีการปรับน้ำหนักการลงทุนสำหรับหุ้นภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง และมีแนวโน้มการจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ โดยได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรม อาหารและเครื่องดื่ม และ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย และ พาณิชย์ เป็นต้น

ทั้งนี้ การเพิ่มหรือลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมหรือรายบริษัท จะขึ้นอยู่กับกรอบนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้นๆ ด้วย

ผลการดำเนินงานและความผันผวนของผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 ม.ค. 2019

ประวัติการจ่ายเงินปันผล ภายในปี 2017 จนถึงปัจจุบัน

กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล

กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน

กองทุนเปิดบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล

กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4