เพิ่มพลังให้หัวใจสูบฉีดมากขึ้นด้วยกองทุนในตระกูล “บัวหลวงทศพล”

เพิ่มพลังให้หัวใจสูบฉีดมากขึ้นด้วยกองทุนในตระกูล “บัวหลวงทศพล”

By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

“บัวหลวงทศพล” เป็นกองทุนเรือธงของกองทุนบัวหลวง ที่ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนดี ซึ่งปัจจุบัน กองทุนในตระกูลบัวหลวงทศพล รวม 3 กองทุนด้วยกัน ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล (BTP) กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-TOPTENRMF) และน้องใหม่ล่าสุด กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลหุ้นระยะยาว (B-TOPTENLTF) ที่เพิ่งเปิดเสนอขาย IPO เมื่อวันที่ 11-19 มี.ค. 2562

ใครที่ยังไม่แน่ใจว่า ตัวเองเหมาะกับการลงทุนในกองทุนตระกูลบัวหลวงทศพลหรือไม่ วันนี้ เรามีคำแนะนำดีๆ จาก คุณวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution กองทุนบัวหลวง มาฝากกัน

คุณวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution กองทุนบัวหลวง

คุณวศิน ให้คำแนะนำว่า กองทุนในตระกูลบัวหลวงทศพล มีนโยบายเหมือนกัน คือ เน้นลงทุนในหุ้น 10 บริษัท สำหรับคนที่เหมาะกับการลงทุนกองทุนในตระกูลนี้ ควรจะเคยลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว อีกทั้งกำลังมองหากองทุนหุ้นที่โฟกัสมากขึ้น ชอบความตื่นเต้นขึ้นมาอีกระดับ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยลงทุนในหุ้นมาก่อนเลย คงจะไม่เหมาะกับกองทุนตระกูลทศพลนัก

“สไตล์ของคนที่เหมาะกับการลงทุนในกองทุนตระกูลนี้ คือ คนที่ Aggresive หมายความว่า เป็นคนที่รับความผันผวนได้มากหน่อย เข้าใจเรื่องการลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นจำนวนไม่มาก ว่า ผลตอบแทนที่ได้รับอาจมีความผันผวนได้ เพราะขึ้นอยู่กับการคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุน ซึ่งคนกลุ่มที่ว่านี้ คือ คนที่เคยลงทุนในกองทุนหุ้นอยู่แล้ว แต่เป็นกองทุนที่กระจายลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว แล้วอาจจะอยากลงทุนในรูปแบบที่ Aggressive ขึ้นไปอีก เพื่อคาดหวังผลตอบแทนว่า น่าจะดีขึ้น” คุณวศิน กล่าว

คุณวศิน ยังขยายความถึงเหตุผลที่ไม่ได้แนะนำคนไม่เคยลงทุนในหุ้นมาก่อน ให้มาลงทุนในตระกูลบัวหลวงทศพลว่า หากเป็นกลุ่มมือใหม่ที่เพิ่งมาเริ่มต้นลงทุนในหุ้น อาจจะไม่เหมาะกับการลงทุนกองทุนตระกูลนี้ ควรจะไปเริ่มต้นจากการลงทุนใน “บัวแก้ว” ซึ่งกองทุนนี้ลงทุนในหุ้น แต่ว่า แตกต่างจาก “บัวหลวงทศพล” ตรงที่การกระจายความเสี่ยง เพราะลงทุนในหุ้นจำนวนมากกว่า

 เมื่อลงทุนไประยะหนึ่งแล้วเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้น แล้วมีความคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น ค่อยขยับเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนตระกูลทศพลก็ได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตระกูลบัวหลวงทศพล มีถึง 3 กองทุนด้วยกัน คือ กองทุนรวมหุ้น กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) บางคนที่ลงทุนใน บัวหลวงทศพลอยู่แล้ว กำลังลังเลว่า จะลงทุนใน B-TOPTENRMF และ B-TOPTENLTF ด้วยดีหรือไม่นั้น คุณวศิน ให้คำแนะนำดีๆ ไว้ว่า ถ้ามี บัวหลวงทศพลอยู่แล้ว จะลงทุนใน B-TOPTENRMF และ B-TOPTENLTF ทั้งคู่ เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีก็ได้ แต่มีประเด็นหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ สัดส่วนเงินลงทุนที่กระจายอยู่ในกองทุนตระกูลทศพลรวมกันแล้ว ต้องไม่มากเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่เหมาะสมของตัวเอง

นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมด้วยว่า  B-TOPTENRMF และ B-TOPTENLTF  สามารถลงทุนได้สูงสุดไม่เกินอัตราที่กำหนด เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี  โดยในกรณีที่ลงทุนใน B-TOPTENRMF ก็มีข้อดี ช่วยฝึกวินัยให้ผู้ลงทุนได้ หรือถ้าลงทุนใน  B-TOPTENLTF ก็ทำให้ผู้ลงทุนเรียนรู้การลงทุนในระยะยาว ว่า ระหว่างทางมีขึ้นและลงได้ แต่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีสู้กับความผันผวนได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ ใครที่สนใจการลงทุนในกองทุนรวม ไม่จำเป็นต้องรอให้เก็บเงินได้ก้อนโตก่อนแล้วจึงมาลงทุนทีเดียว เพราะสามารถใช้วิธีการทยอยลงทุน (Dollar Cost Averaging: DCA) ด้วยการกำหนดวันหักเงินลงทุนเท่าๆ กันทุกเดือน หรือทุกไตรมาสก็ได้ สามารถลงทุนขั้นต่ำกับกองทุนบัวหลวง เริ่มต้นที่ 500 บาทเท่านั้น