กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์ (BGOLD) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BGOLDRMF)

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์ (BGOLD) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BGOLDRMF)

สรุปภาวะการลงทุนในทองคำ

“ราคาทองคำคาดว่าจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและอาจมีแนวโน้มขึ้นไปทดสอบระดับแนวต้านสำคัญที่ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยหลักจากอุปสงค์ต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับพอร์ตการลงทุนเร่งตัวขึ้น ด้วยตลาดการเงินและสภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากความเสี่ยงทางด้านขาลง”

หลังจากที่ราคาทองคำอยู่ในขาลงมาโดยตลอดทั้งปี 2018 ทว่าตั้งแต่เดือน ม.ค. ปีนี้ ราคาทองคำปรับฟื้นตัวมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1,270 – 1,340 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองได้ปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,340 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในช่วงเดือน ก.พ. ก่อนที่จะย่อลงมาสวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่เดินหน้าปรับตัวขึ้น
จากความหวังเรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีนมีสัญญาณความคืบหน้า ส่งผลให้ผลตอบแทนของทองคำในช่วง ม.ค. – พ.ค. อยู่ที่ 1.9%

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในช่วงเดือน พ.ค. ส่งสัญญาณกลับตัวเพิ่มอีกครั้งเมื่อความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าเร่งตัวขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้ากับจีนอีกครั้ง พร้อมกับความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้เป็นที่ค่อนข้างแน่ชัดว่าช่วงเวลาของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของโลกสิ้นสุดลงแล้ว จากการที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ออกมาส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหากมีความจำเป็น

รวมถึงธนาคารกลางอื่นๆ ล้วนส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกส่วนมากปรับตัวลดลงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำด้วยความสัมพันธ์ที่ผกผันกันระหว่างราคาทองคำกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

ด้านอุปสงค์ต่อทองคำในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2018 โดยมากมาจากการเข้าซื้อของบรรดาธนาคารกลางโดยเฉพาะฝั่งธนาคารจีนและรัสเซียเพื่อหลบหลีกการลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงเทศกาลงานแต่งงานของอินเดียในปีนี้ที่ยาวนานขึ้น ยังช่วยเร่งอุปสงค์ต่อทองคำในอีกทางหนึ่ง

ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

ประเด็นความไม่แน่นอนในโลกไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีนที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง การที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ากับเม็กซิโก การประกาศลาออกของนายกฯ อังกฤษซึ่งส่งผลให้ข้อตกลงด้าน Brexit กับสหภาพยุโรปต้องสะดุดลง รวมไปจนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงกดดันค่าเงินหลักทั้งหมดให้มีแนวโน้มอ่อนค่าลง และวิ่งเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียรวมถึงสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) แทน เช่น ค่าเงินเยน

สำหรับค่าเงินบาทยังคงสถานะสินทรัพย์ปลอดภัยในภูมิภาค (Regional Safe Haven) ด้วยเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการถือครองสินทรัพย์ไทย ทำให้ค่าเงินบาทไม่สามารถอ่อนค่าผ่านแนวต้านที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปได้และกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ระดับประมาณ 31.20 – 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อีกครั้ง ทำให้ค่าเงินบาทกลายเป็นค่าเงินที่แข็งค่าที่สุดในภูมิภาคเอเชียนับตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยแข็งค่าไปแล้วมากกว่า 3%

แนวโน้มราคาทองคำ

ราคาทองคำคาดว่าจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและอาจมีแนวโน้มขึ้นไปทดสอบระดับแนวต้านสำคัญที่ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากราคาปัจจุบันที่ 1,334 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (ณ วันที่ 6 มิ.ย. 2019) โดยมีปัจจัยหลักจากอุปสงค์ต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับพอร์ตการลงทุนเร่งตัวขึ้น ด้วยตลาดการเงินและสภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากความเสี่ยงทางด้านขาลง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – จีน

นอกจากนั้น ปัจจัยอื่นๆ ที่น่าจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในปีนี้ ได้แก่ 1.) สัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัวลง 2.) การดำเนินนโยบายผ่อนคลายจากทางการของจีนจะช่วยหนุนสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศและอุปสงค์ต่อทองคำจากผู้บริโภคชาวจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ของตลาดทองคำ 3.) การเข้าซื้อทองคำของบรรดาธนาคารกลางต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตเงินทุนสำรองของประเทศ โดยเฉพาะฟากของจีนที่ยังคงซื้อทองคำเข้าสู่พอร์ตเงินทุนสำรองเป็นระยะเวลา 6 เดือน ติดต่อกัน

ทั้งนี้ กองทุนบัวหลวงเชื่อว่าทองคำยังเป็นแหล่งการลงทุนที่ดีในระยะยาว ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนโดยเฉพาะในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน

กองทุนหลัก (Master Fund)

ชื่อ: SPDR Gold Trust

นโยบายลงทุน: มุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนหลักหลังหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจัดการทั้งหมดของกองทุน
ให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำแท่ง

ประเภทโครงการ: กองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์

วันจัดตั้งกองทุน: 18 พฤศจิกายน 2004

ประเทศที่จดทะเบียน: สิงคโปร์

สกุลเงิน: USD

เกณฑ์วัดผลการดำเนินงาน (Benchmark): LBMA Gold Price PM

Morningstar Category: US ETF Commodities Precious Metal

Bloomberg code: GLD:SP

Trust’s Holdings: Physical gold bullion kept in the form of London Good Delivery bars and held in allocated account

*ที่มา State Street Global Advisors ข้อมูลเดือน ธ.ค. 2018 ดูรายละเอียดกองทุนรวมต่างประเทศได้ที่

https://www.spdrs.com.sg/etf/fund/ref_doc/Fact_Sheet_GLD.pdf

ผลการดำเนินงานกองทุนย้อนหลัง (ณ วันที่ 31 พ.ค. 2019)