กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH)

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH)

Global Technology Perspective 2H2019

“ Why นักลงทุนควรมีฐานะลงทุนในหุ้นกลุ่มโกลบอลเทคโนโลยีต่อเนื่อง

คำถาม-คำตอบ

ถาม

ทำไมนักลงทุนต้องมี Exposure ณ ตอนนี้ และทำไมควรถือครองต่อ

ตอบ

ตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนระดับโลก ณ ปัจจุบันเราแทบไม่สามารถหาบริษัทที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ (Earning Growth) ได้เลยในภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้าลง มีแต่บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีเท่านั้นที่นักลงทุนรับรู้ถึงการเติบของผลประกอบการรายไตรมาสได้มากที่สุด

เทคโนโลยีเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ธุรกิจมีการเพิ่มเงินลงทุนในสินทรัพย์ทุน (Capital Expenditure) โดยเฉพาะผู้ให้บริการด้าน Cloud Services เช่น ไมโครซอฟท์ อเมซอน กูเกิ้ล ซึ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์ทุนเป็นตัวบ่งบอกได้ว่า อุปสงค์ในสินค้าและบริการกำลังจะเป็นที่ต้องการของตลาด

นอกจากนี้ เทคโนโลยีเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ธุรกิจไม่ได้แบกภาระหนี้สินจากการกู้ยืมเลย และมีการถือครองเงินสดแตะระดับสูงที่สุด อัตราส่วนหนี้สินรวมเทียบกับกำไรขั้นต้นที่ระดับ 0.20 ถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มพลังงาน กลุ่มสุขภาพ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคฟุ่มเฟือย กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสินค้าอุปโภคจำเป็น กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น จึงเป็นฉนวนที่ดีหากตลาดหุ้นถูกโจมตีจากภาวะวิกฤตหนี้โลก ระดับหนี้สินที่ต่ำสะท้อนความแข็งแกร่งของงบการเงินบริษัท ซึ่งแตกต่างจากช่วงวิกฤตดอทคอมปี ค.ศ.2000 อย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุว่าบริษัทกลุ่มโกลบอลเทคฯ ปัจจุบันสร้างกระแสเงินสดได้ดีมาก จากความต้องการในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจของตนเอง

Valuation Issue

ถาม

ราคาหุ้นกลุ่มโกลบอลเทคโนโลยีขึ้นมาตลอด ตอนนี้แพงไปแล้วหรือยัง (Are Tech stock overvalue right now?)

ตอบ

การเปรียบเทียบระดับมูลค่า Valuation นั้น โดยปกตินักลงทุนจะเปรียบเทียบในสองด้าน

ประการแรกคือ การเปรียบเทียบระดับมูลค่า ณ ปัจจุบันกับอดีต โดยใช้ดัชนีตลาดเทียบกับกำไรสุทธิคาดการณ์ (FW Price-to-Earnings Ratio) ปัจจุบันอยู่ที่ 18 x เทียบกับในช่วงเทคบับเบิลปีค.ศ. 2000 ที่ 53 x หุ้นเทคฯ ขณะนี้จึงไม่ได้มีปัญหาอะไร อีกทั้งช่วงเทคบับเบิลบริษัทส่วนใหญ่ทำธุรกิจด้านอี-คอมเมิร์ซ แตกต่างจากปัจจุบันที่มีแรงขับเคลื่อนในหลาย Sub-Sector

ประการที่สองคือ การเปรียบเทียบหุ้นในกลุ่มเทคฯ กับกลุ่มอื่น ระดับมูลค่าก็ยังถือว่าไม่ได้ดีดตัวขึ้นมาสุดโต่ง

Trade war issue

ถาม

ปัญหาสงครามการค้ากระทบต่อสินค้าและบริการของธุรกิจในกลุ่มโกลบอลเทคโนโลยีในระดับใด

ตอบ

กระทบอยู่สองด้าน คือ ด้านเทคโนโลยี 5G และด้านสมาร์ทโฟน

  1. ด้านเทคโนโลยี 5G การที่สหรัฐฯ กีดกันคู่ค้าไม่ให้ทำธุรกิจกับหัวเว่ย เป็นประเด็นที่สำคัญ เนื่องจากหัวเว่ยเป็นผู้นำโลกทั้งทางด้านอุปกรณ์โทรคมนาคม (Telecommunication Equipment) ด้านเทคโนโลยี 5G และด้านสมาร์ทโฟน ก่อนหน้านี้ หัวเว่ยมีการลงนามในสัญญาระดับนานาชาติเพื่อขายอุปกรณ์โทรคมนาคม 5G กับบริษัททั่วโลกไปแล้วกว่า 150,000 สัญญาใน 35 ประเทศ การกีดกันของสหรัฐฯ ทำให้การรุกคืบกินส่วนแบ่งตลาดของหัวเว่ยในการติดตั้งเสาสัญญาณ 5G อาจทำได้ไม่รวดเร็วดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ บริษัทที่ทำเทคโนโลยีซึ่งจะกินส่วนแบ่งตลาดทางด้านนี้ต่อจากหัวเว่ยน่าจะเป็น Oppo เพราะธุรกิจคล้ายกับหัวเว่ย จึงอาจได้รับประโยชน์ดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทซัมซุงซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ในเทคโนโลยี 5G ให้กับหัวเว่ยก็ได้รับประโยชน์จากขนาดของตลาดโลกต่อเทคโนโลยี 5G ที่กำลังเป็นที่ต้องการ
  2. ด้านสมาร์ทโฟน ในประเทศจีน หัวเว่ยได้รับความนิยมมากขึ้นจากกระแสต่อต้านสินค้าสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วสมาร์ทโฟนของค่ายซัมซุง และแอปเปิ้ล ยังคงครอบครองส่วนแบ่งตลาดหลักอยู่ ด้านกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ สินค้าของหัวเว่ยถูกนำเข้าสู่ตลาดมากขึ้น

Regulation issue

ถาม

บริษัทกลุ่มเทคฯของสหรัฐฯตกเป็นเป้าหมายโจมตีจากทางการสหรัฐฯ ทางด้านการผูกขาดการทำธุรกิจ (Antitrust Regulation) รวมถึงตกเป็นกระแสข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ปัจจัยด้งกล่าวส่งผลบวกลบอย่างไรต่อการดำเนินธุรกิจ

ตอบ

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายฟิเดลิตี้ มองว่าเป็นเพียงกระแสด้านการเมือง ในปีหน้า ค.ศ. 2020 สหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้ง และเป็นการยากที่สภาคองเกรสจะออกกฏระเบียบจัดการกับบริษัท Big Tech ในสหรัฐฯ เพราะทางการจำเป็นต้องหาหลักฐานพิสูจน์แสดงต่อหน้าสาธารณะเพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทเหล่านี้ทำธุรกิจไม่เป็นธรรมต่อกลุ่มผู้บริโภค ที่ผ่านมาในยุโรป ที่มีกฎหมายเป็นแบบ Subjective law ก็ยังไม่พบเคสเลยว่าบริษัทโกลบอลเทคฯ ดำเนินธุรกิจสร้างผลกระทบด้านลบต่อกลุ่มผู้บริโภคแต่อย่างใด

Political Issue

ถาม

ประเด็นพาดหัวข่าวที่ที่ญี่ปุ่นจำกัด Supply ที่จะจัดส่งไปให้กับเกาหลีใต้ กระทบกับธุรกิจเทคโนโลยีเกาหลีใต้เพียงใด

ตอบ

ผู้เชี่ยวชาญฟิเดลิตี้ มองว่า เป็นประเด็นทางการเมืองของญี่ปุ่นที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง พาดหัวข่าวดังกล่าวน่าเป็นปัจจัยระยะสั้นต่อไปอีกไม่กี่เดือน

เทคโนโลยีโลก ณ ปัจจุบัน อาทิ สมาร์ทโฟน ปัญญาประดิษฐ์ ล้วนต้องพึ่งพาชิปความจำ  (เมมโมรีชิป) แทบทั้งสิ้น โดยอุตสาหกรรมการผลิตชิปความจำของประเทศเกาหลีใต้ (Korean Memory Manufacture) มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในโลกที่ 70% ของกำลังการผลิตโลก ส่วนที่เหลือเป็นของสหรัฐฯ เช่น บริษัท ไมครอนเทคโนโลยี และหากมองลงไปที่ญี่ปุ่น ก็พบว่าไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการกระทำเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทญี่ปุ่นจะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทดแทนสิ่งที่เกาหลีใต้ทำขาดหาย รวมถึงญี่ปุ่นเองไม่ได้มีกลยุทธ์เข้าซื้อกิจการของเกาหลีใต้ เพราะไม่ได้อยู่ในความสนใจตั้งแต่แรก

ฟิเดลิตี้ คาดว่า ประเด็นตลาดเมมโมรีชิป จากนี้ไปจะผ่อนคลายลง ตลาดเมมโมรีชิปซึ่งก่อนหน้านี้เผชิญกับภาวะ Over Supply จนส่งผลให้ราคาเมมโมรีชิปลดลง น่าจะถึงจุดต่ำสุด ณ ขณะนี้ หากอุปทานลดลง ราคาขายต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้นให้กับบริษัทซัมซุง ลำพังบริษัทซัมซุงเองมีโครงสร้างรายได้กระจายตัวหลากหลาย และยังมี Growth area ในหลายด้าน โดนส่วนที่โดดเด่นที่สุด ณ ขณะนี้ คือ การเป็นซัพพลายเออร์ในเทคโนโลยี 5G ให้กับหัวเว่ย