กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF)

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF)

Next Generation Network

65% ของประชากรโลกที่ใช้สมาร์ทโฟน หรือ 1,900 ล้านคน จะใช้เทคโนโลยีสื่อสาร 5G ในปี 2024

Source: Ericsson Forecast, September 2019

โลกเรากำลังก้าวจากเทคโนโลยี 4G ที่เคยให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตสูงกว่า 3G ประมาณ 500 เท่า ไปสู่เทคโนโลยี 5G ที่ให้ความเร็วกว่า 4G ไปอีก 100 เท่า และด้วยความเร็ว 100 กิกะไบต์ต่อวินาที จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เวลาของข้อมูลที่ส่งออกจากผู้ให้บริการเครือข่ายถึงตัวผู้รับนั้นสั้นลง ซึ่งเวลาที่รวดเร็วในการส่งผ่านข้อมูลนี้เอง สบช่องให้กับเทคโนโลยี Internet of Things, Smart Vehicle, wearable technology, AI, Cloud, ‘Industry 4.0’ พร้อมเปิดตัว เครือข่าย 4G รองรับอุปกรณ์ 4,000 เครื่องในรัศมี 1 ตารางกิโลเมตร ขณะที่ 5G รองรับได้ถึง 1 ล้านเครื่อง

ผู้ให้บริการเครือข่ายสื่อสารจะผสมผสาน 4G กับ 5G ก่อนในระยะแรก แล้วเทคโนโลยีจะถึงจุดเปลี่ยนด้วยการที่เครือข่าย 5G ถูกสร้างขึ้นมาจนตลาดมองว่า 4G นั้นช้าเกินไป

เมื่อเทคโนโลยี 5G เกิดขึ้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านใดบ้าง ?

  1. Mobile/cellular network (ผู้ให้บริการเครือข่าย) : โอกาสให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 4G (เดิม) ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระบบจัดเก็บข้อมูล เครือข่าย และระบบความปลอดภัย เพื่ออัพเกรดระบบ
  2. Data center (ระบบจัดเก็บข้อมูล)เพื่อรองรับอุปสงค์ของตลาด 5G จะต้องมี Server ที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เร็วขึ้น เพื่อตอบโจทย์จุดบริการและจุดรับส่งสัญญาณที่เพิ่มขึ้นกว่าหลายพันจุดในพื้นที่เดิม
  3. New end points (อุปกรณ์ตัวรับสัญญาณใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น) ยานยนต์ไร้คนขับ สมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่รองรับ 5G ล้วนเป็นปลายทาง (End points) ใหม่ ที่ขับเคลื่อนอุปสงค์ 5G ให้เติบโต
  4. Edge Computing (กระบวนการที่กระชับสั้น) กระบวนการประมวลผลใน cloud ที่กระชับสั้นลงกว่าเดิม Server ใหม่ที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องใช้ 5G สำหรับการประมวลผล

Fidelity Global Technology Fund ลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จาก 5G

กองทุนหลัก Fidelity Global Technology ลงทุนในบริษัทโดยพิจารณาจาก Stock specific driver ที่มีแขนงของธุรกิจที่ตอบโจทย์ธีมด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี สิ่งที่กองทุนหลักจับตามองด้าน 5G นั้น มีการลงทุนในบริษัทที่พัฒนาเครือข่าย 5G โดยตรงประมาณ 5-10% เช่น บริษัท Marvell Technology, บริษัท Juniper, บริษัท Ericsson และบริษัทที่มีธีมลงทุนที่จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G อีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทในกลุ่ม Smartphone สัดส่วน 18% , Cloud สัดส่วน 16% , AI สัดส่วน 8%, Internet of Things สัดส่วน 2%, Autonomous Vehicle สัดส่วน 9% และ Gaming สัดส่วน 9%

ผู้จัดการกองทุนชื่นชอบการลงทุนในหุ้นบริษัทที่ทำให้เทคโนโลยีเกิดขึ้นจริง (Revolutionized company) ไม่ใช่แค่ลงทุนในหุ้นบริษัทที่ผลิตสินค้าด้านเทคโนโลยีให้กับตลาดผู้บริโภคเท่านั้น (Tech company for consumer) บริษัทดังกล่าวส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม Mid or Small cap และด้วยความที่เป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูง จึงตกเป็นเป้าหมายซื้อกิจการจากบริษัทขนาดใหญ่ที่มีกระแสเงินสดมากและอยากขยายตลาดใหม่เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภค