SSF แตกต่างอย่างไรจาก LTF และ RMF

SSF แตกต่างอย่างไรจาก LTF และ RMF

 

โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน

BF Knowledge Center

หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้จัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF : Super Savings Fund)   กองทุนลดหย่อนภาษีแบบใหม่ออกมา รวมถึงแนวทางเกี่ยวกับกองทุน LTF ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้เป็นปีสุดท้าย และมีการปรับเกณฑ์เกี่ยวกับ RMF บางส่วน ในวันนี้เราจะมาคุยกันว่าความคืบหน้าของกองทุนทั้ง  3  เป็นอย่างไร

วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออม หรือ SSF : Super Savings Fund

SSF   จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนให้คนไทยรู้จักออมเงินระยะยาว  โดยเฉพาะประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ต้องรู้จักออมระยะยาวเพื่อประโยชน์ของตนเองในอนาคต   SSF  เน้นให้ลงทุนระยะยาว ซึ่งกำหนดไว้ที่  10  ปี  นับแบบวันชนวัน  ทำให้มีนโยบายลงทุนที่หลากหลายได้มากกว่า  LTF  ที่ต้องการสนับสนุนตลาดหุ้นไทย  จึงทำให้เน้นลงทุนในหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว

SSF  ส่งเสริมให้เกิดการเก็บออมระยะยาว   โดยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเกษียณชัดๆ แบบ RMF   ทำให้ไม่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี  อยากใช้สิทธิลดหย่อนปีไหนก็ซื้อแค่ปีนั้น  จะซื้อเท่าไรก็ได้ไม่กำหนดขั้นต่ำ  มีมากซื้อมาก  มีน้อยซื้อน้อยไม่ว่ากัน โดยสามารถให้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุด  30%  ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน  200,000  บาทต่อปี และเมื่อรวมกับวงของเงินลงทุนเพื่อเกษียณต้องไม่เกิน 500,000 บาท

สรุปเงื่อนไขการลงทุน SSF แบบสั้นๆ ได้ดังนี้

  • เป้าหมาย สนับสนุนให้เก็บออมระยะยาว
  • ไม่กำหนดนโยบายว่าต้องลงทุนสินทรัพย์ประเภทใด  จะเป็นกองทุนหุ้น  ตราสารหนี้  ผสม  ในประเทศ  ต่างประเทศ ก็ได้หมด
  • ไม่ต้องลงทุนต่อเนื่อง อยากลงทุนใช้สิทธิลดหย่อนภาษีปีไหน ซื้อปีนั้น
  • ไม่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ  แต่กำหนดขั้นสูงสุดไว้  30%  ของเงินได้พึงประเมิน  แต่ไม่เกิน  200,000  บาทต่อปี   และเมื่อรวมกับวงเงินสะสมในกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)   กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)  กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน  กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)  เบี้ยประกันบำนาญ   เงินลงทุนในกองทุน RMF  ต้องไม่เกิน  500,000  บาท
  • เบื้องต้น มติ ครม. เมื่อ 3 ธ.ค. 62   กำหนดให้สิทธินำเงินลงทุน  SSF  มาลดหย่อนภาษีได้ คือเงินลงทุนปี 2563 – 2567 (ซื้อปีไหน ลดหย่อนได้ปีภาษีนั้น)

แล้วแบบนี้ผู้ลงทุนจะสามารถซื้อลงทุนปีหน้าได้เลยไหม?

ปัจจุบันเป็นเพียงมติ ครม. ต้องรอกฎหมายประกาศอย่างเป็นทางการก่อน  รอรายละเอียดปลีกย่อยให้ชัดเจน  และรอ บลจ.ต่างๆ  จัดตั้งกองทุนมาเสนอขาย  จากนั้นก็ลงทุนได้เลย

สำหรับ  LTF  ที่ครบกำหนดในปีนี้  ปีหน้าจะเป็นอย่างไร?

เงินลงทุน  LTF  ที่ลงทุนในปี  2562  สามารถนำมาเอามาใช้ลดหย่อนภาษีปีนี้ได้เป็นปีสุดท้าย     สำหรับปีหน้า 2563  เป็นต้นไปจะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากกองทุน LTF  ไม่ได้แล้ว     แต่กองทุน  LTF  ยังคงอยู่และบริหารต่อไป  ไม่ได้ถูกปิดตามไปด้วย    เงินลงทุนที่ลงทุนก่อนปี 2562  จะต้องถือครอง  5 ปีหรือ  7  ปีปฎิทินต่อไป (ตามเงื่อนไขที่ลงทุนในปีนั้น)  เมื่อถือครองครบตามเงื่อนไขแล้วก็สามารถขายคืนได้โดยได้รับการยกเว้นภาษี

ทั้งนี้   ตั้งแต่ปี  2563  กองทุน LTF  สามารถเปิดให้ลงทุนเหมือนกองทุนทั่วไปได้   ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละ บลจ.ว่าจะเปิดขายต่อไปไหม?  ซึ่งตรงนี้ไม่ได้บังคับว่าใครจะขายต่อหรือใครจะปิดรับคำสั่งซื้อ สำหรับกองทุนบัวหลวง  เราเห็นความสำคัญของการลงทุนระยะยาว   โดยเรามีผู้ลงทุนใน LTF ทั้ง  4  กองทุนเยอะมาก  กองทุนเป็นที่ต้องการของนักลงทุน    เราจึงเลือกที่จะเปิดรับคำสั่งซื้อต่อตั้งแต่ปี  2563  เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกอาจต้องปิดรับคำสั่งซื้อชั่วคราวเพื่อพัฒนาระบบ   เมื่อพัฒนาระบบเสร็จแล้ว และรอกฎหมายประกาศอย่างเป็นทางการ  ก็จะเปิดรับคำสั่งซื้อต่อไป (ลงทุนได้แต่นำไปใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้)

ผู้ถือหน่วยจะเกิดความสับสนหรือไม่…ระหว่างเงินก้อนที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับเงินก้อนใหม่?

กองทุนบัวหลวงให้ความสำคัญกับประเด็นนี้    จึงเป็นที่มาของการพัฒนาระบบเพื่อแยกฐานข้อมูล  เพื่อลดปัญหาความสับสนนี้   เพราะกองทุน  LTF  ที่จะเปิดให้ลงทุนตั้งแต่ปี  2563  เป็นต้นไปก็ยังเป็นกองเดียวกันกับที่มีอยู่เดิม จึงมีทั้งเงินลงทุนเก่าที่ต้องถือครองตามเงื่อนไข  และเงินลงทุนใหม่ที่จะซื้อขายเมื่อไรก็ได้  กองทุนบัวหลวงจึงหาแนวทางแก้ไขด้วยการแยกเลขที่บัญชีกองทุนและแยกสมุดกองทุนของกองทุน LTF ลดหย่อนภาษี และ LTF เพื่อการลงทุนทั่วไปออกจากกัน

สำหรับผู้ลงทุนที่ลงทุนแบบถัวเฉลี่ยไว้ (DCA) เมื่อสิทธิลดหย่อนภาษีครบ  เราแยกระบบฐานข้อมูล  ยกเลิกการตัดเงินเข้ากองทุนตามเลขบัญชีกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีให้อัตโนมัติ หากใครต้องการ DCA ต่อในกองทุน LTF เพื่อการลงทุนทั่วไปก็สามารถทำได้ โดยติดต่อสมัคร DCA ได้ไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ ธ.กรุงเทพ หรือตัวแทนขาย  รวมถึงการตั้งหัก DCA ผ่าน iBanking และ mBanking ด้วย

สำหรับกองทุน RMF มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข  รายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง?

มติ ครม. ได้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขกองทุน  RMF  เล็กน้อย โดยปรับเป็นไม่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำในแต่ละปี และสิทธิลดหย่อนเพิ่มจากเดิม  15%  ของเงินได้พึงประเมินปรับเป็น  30%  ของเงินได้พึงประเมิน    แต่ยังคงกำหนดว่าไม่เกิน  500,000  บาท    เมื่อรวมกับเงินซื้อ SSF   เงินสะสม  กบข.  กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ  และเบี้ยประกันบำนาญ