การควบคุมเงินคริปโตระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

การควบคุมเงินคริปโตระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ออกมาเตือนว่า การควบคุมการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในระดับระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ นางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเปิดเผยกับ CNNว่า ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้กำลังพยายามป้องกันไม่ให้มีการใช้เงินคริปโตในการฟอกเงิน หรือใช้ในด้านการก่ออาชญากรรม หรือการก่อการร้าย ลาการ์ดบอกว่า การออกกฎเกณฑ์เพื่อที่จะควบคุมเงินคริปโตเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ โดยจำเป็นต้องมีการควบคุมระดับนานาประเทศ รวมทั้งมีระบบการตรวจสอบที่ถูกต้อง รัฐมนตรีการคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางของฝรั่งเศสและเยอรมันได้เสนอให้มีการถกประเด็นเรื่องการควบคุมเงินคริปโตในเวทีที่ประชุมของกลุ่มG-20ในระหว่างวันที่19-20 มีนาคมนี้ที่กรุงบัวโนส แอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า โดยได้ทำหนังสือถึงสมาชิกคนอื่นๆว่ามีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมเงินคริปโต และเตือนถึงความเสี่ยงของเงินคริปโตต่อนักลงทุน เงินคริปโตใช้เทคโนโลยี่บล็อคเชนเพื่อที่จะรักษาความปลอดภัย และรักษาความลับของเจ้าของเมื่อมีการใช้ระบบอย่างถูกต้อง แต่เรื่องนี้กลับสร้างความกังวลใจสำหรับรัฐบาลทั่วโลก เพราะเกรงกลัวว่าจะมีพวกอาชญากรหรือก่อการร้ายใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี่เพื่อเลี่ยงกฎหมาย

เงินดิจิทัลเสี่ยงสิ้นค่า อาจเหลือรอดไม่กี่สกุล 

เงินดิจิทัลเสี่ยงสิ้นค่า อาจเหลือรอดไม่กี่สกุล 

สกุลเงินดิจิทัลที่ร่วงลงแรงส่งผลให้มูลค่าตลาด (market value) หายไปเกือบ 5 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และสถานการณ์อาจจะยิ่งแย่ลงกว่านี้ก็เป็นได้ หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านการลงทุนที่โกลด์แมนแซคส์ (Goldman Sachs Group) กล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า Steve Strongin หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านการลงทุนที่โกลด์แมนแซคส์ระบุว่า สกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่จะไม่สามารถอยู่รอดได้ในรูปแบบที่เป็นอยู่นี้ และนักลงทุนควรเตรียมตัวรับมือการสิ้นค่าของสกุลเงินเหล่านั้น เพราะในอนาคตจะถูกสกุลเงินดิจิทัลใหม่ๆที่เป็นคู่แข่งเข้ามาแทนที่ และในอนาคตจะเหลือเพียงไม่กี่สกุลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ประมาณการระยะเวลาของการเสื่อมค่าลงของสกุลเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่เตือนว่าราคาที่ผันผวนรุนแรงเป็นสองเท่าก็พอที่จะบ่งชี้ได้ว่าแต่ละสกุลเงินคงไม่สามารถที่จะไปถึงเป้าหมายพร้อมกัน คงมีเพียงบางสกุลที่ชนะและอยู่รอดในตลาดนี้ “การปรับฐานของราคาสกุลเงินดิจิทัลทำให้ผมกังวล เนื่องจากสกุลเงินเหล่านั้นไม่มีมูลค่าโดยตัวมันเอง สกุลเงินต่างๆที่ไม่สามารถแข่งขันก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีมูลค่าเป็นศูนย์” Strongin กล่าว เงินดิจิทัลในขณะนี้ขาดกำลังที่จะอยู่รอดได้ในระยะยาว เนื่องจากการทำธุรกรรมที่ใช้เวลานาน ความท้าทายต่างๆเกี่ยวกับความปลอดภัย และมีต้นทุนในการดูแลสูง ขณะที่การเปิดการซื้อขายบิทคอยน์ในตลาดล่วงหน้าไม่ได้ช่วยแก้ความกังวลเหล่านั้นได้

บิทคอยน์ร่วงต่อเนื่อง ต่ำสุดนับตั้งแต่พฤศจิกายนที่ผ่านมา

บิทคอยน์ร่วงต่อเนื่อง ต่ำสุดนับตั้งแต่พฤศจิกายนที่ผ่านมา

รายงานข่าวจาก CNBC ระบุว่า บิทคอยน์ ปรับตัวลดลงต่ำกว่า $7000 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 ก.พ.) ซึ่งต่ำสุดในรอบมากกว่า 2 เดือน อ้างอิงจากดัชนีราคาบิทคอยน์ของ CoinDesk ระบุว่าเงินสกุลดิจิทัล (digital currency) ร่วงลงต่ำ มาอยู่ที่ $6,197.98 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2017 การปรับตัวลดลงในวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้บิทคอยน์ร่วงต่ำกว่า 55% ในปีนี้เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ปัจจัยกดดันยังคงหนีไม่พ้นเรื่องความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับการโจรกรรมเงินดิจิทัลสกุลหลักที่เกิดขึ้นมีผลต่อการปรับเปลี่ยนของราคาเงินดิจิทัลสกุลหลัก

รัฐบาลเร่งคลอดกฎคุมธุรกรรมเงินดิจิทัล คาดเสร็จภายใน 1เดือน

รัฐบาลเร่งคลอดกฎคุมธุรกรรมเงินดิจิทัล คาดเสร็จภายใน 1เดือน

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะทำงานเพื่อสรุปหาแนวทางการกำกับดูแลการซื้อสกุลเงินดิจัทัล ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปง.) คาดจะสรุปแนวทางการกำกับดูแลการซื้อสกุลเงินดิจัทัลให้ได้ภายใน 1 เดือนหรือภายในก.พ.นี้ ที่ผ่านมาทาง ธปท. ได้ศึกษาเรื่องนี้มามากแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกไป ขณะที่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกระทรวงการคลัง ก.ล.ต. และ ปปง. ก็จะเข้าไปให้ความเห็นเพิ่มเติมจากการศึกษาของ ธปท. เพื่อได้ข้อสรุปการกำกับดูแลการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลให้รอบด้านมากที้สุด “ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ออกมาเตือนตลอดว่าการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลไม่มีกฎหมายรองรับและมีความเสี่ยงสูง เช่น การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ที่ราคาตลาดตกลงมาอย่างมาก และบางประเทศก็ห้ามซื้อขายเพราะผิดกฎหมาย” นายสมชัย กล่าว

มูลค่าตลาดบิทคอยน์หาย 4.42 หมื่นล้านดอลล์ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

มูลค่าตลาดบิทคอยน์หาย 4.42 หมื่นล้านดอลล์ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัล ที่ได้รับความนิยมสูงสุด พบว่าในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีมูลค่าตลาด (market value) ลดลง 4.42 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 2 แสนล้านดอลลาร์ตลอดทั้งปี 2017 ซึ่งมูลค่าของบิทคอยน์เมื่อคิดเป็นมูลค่าเงินดอลลาร์ที่หายไปอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับสินทรัพย์ดิจิทัล แสดงให้เห็นว่า สกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาบิทคอยน์จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังนักลงทุนคลายความกังวลจากปัจจัยลบต่างๆแล้ว ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงของหน่วยงานภาครัฐที่เล็งเห็นความเสี่ยงในตลาดสกุลเงินดิจิทัล Stephen Innes หัวหน้านักวิเคราะห์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก Oanda ‘บิทคอยน์เคยขึ้นไปถึง 10,000 ดอลลาร์ และตกลงมาต่ำกว่าระดับดังกล่าว หลังเทฟลอน ถูกหน่วยงานภาครัฐเรียกไปให้ข้อมูล แต่เราต้องเข้าใจว่า บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์เสี่ยง และเมื่อราคาลดลง 50% แล้ว ราคาจะลดลงไปอีก หลายคนเสียหาย เพราะไปซื้อในขณะที่กำลังเป็นขาลง’ เขาคาดการณ์ว่า ราคาบิทคอยน์อาจลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5,000-6,000 ดอลลาร์ ก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ 10,000-15,000 ดอลลาร์อีกครั้ง

ไม่มีโฆษณาเงินดิจิทัล บนอาณาจักร Facebook อีกต่อ

ไม่มีโฆษณาเงินดิจิทัล บนอาณาจักร Facebook อีกต่อ

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า Facebook ยกเลิกลงโฆษณาเงินสกุลดิจิทัลต่างๆ (cryptocurrencies) ซึ่งรวมถึงบิทคอยน์ และ การเสนอขายเหรียญในระยะเริ่มต้น (Initial Coin Offerings: ICOs) เพื่อป้องกันประชาชนจากการรับข่าวประชาสัมพันธ์สินค้า จากบริษัทผู้ขายสินค้าและบริการด้านการเงิน โดยเฉพาะการเสนอขายผลิตภัณฑ์ชวนเชื่อ หรือหลอกลวงทำให้ผู้รับสื่อเข้าใจผิด Rob Leathern ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ ระบุว่า “กฎระเบียบใหม่ของเราได้สั่งห้ามไม่ให้ประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการทางการเงิน ที่ข้องเกี่ยวกับการโฆษณา ชวนเชื่อ หรือหลอกลวงผู้บริโภค เช่นการเสนอขายเหรียญ และเงินสกุลดิจิทัล” การยกเลิกลงโฆษณาหมายความว่าจะไม่มีการลงข้อความใดๆ แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย และผลิตภัณฑ์นั้นจะถูกฏหมายก็ตาม ซึ่งกฎระเบียบใหม่จะถูกนำไปใช้ในทุกๆ แพลตฟอร์ม อย่าง Facebook, Audience Network และ Instagram