จีน: นโยบายเศรษฐกิจปี 2018 เน้นลดความเสี่ยงทางการเงิน การแก้ปัญหาความยากจน และการรักษาสภาพแวดล้อม

จีน: นโยบายเศรษฐกิจปี 2018 เน้นลดความเสี่ยงทางการเงิน การแก้ปัญหาความยากจน และการรักษาสภาพแวดล้อม

ทางการยังคงย้ำความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เราคาดเป้า GDP จะคงเดิมที่ 6.5% การประชุม Central Economic Work Conference (CEWC) ระหว่างวันที่ 18-20 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในปีถัดไป กำหนดเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1) การลดความเสี่ยงทางการเงิน 2) การแก้ปัญหาความยากจน และ 3) การรักษาสภาพแวดล้อม และยังคงย้ำความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยประเด็นสำคัญจากการประชุมมีดังนี้ นโยบายการเงินมีแนวโน้มที่จะเข้มงวดต่อไป เพื่อลดระดับหนี้ในระบบและจำกัดความเสี่ยงทางการเงินซึ่งเป็นนโยบายหลัก โดยจะควบคุมปริมาณเงิน, สินเชื่อและการเติบโตของยอดระดมทุนรวม (TSF) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนนโยบายการคลังมีแนวโน้มที่จะเข้มงวดมากขึ้น โดยทางการจะเพิ่มความเข้มงวดในการออกพันธบัตรของรัฐบาลท้องถิ่น ด้านอสังหาริมทรัพย์ ทางการได้สนับสนุนการพัฒนาตลาดเช่าบ้าน (Rental Market) และการจัดสรรที่ดินเพื่อใช้ในการอยู่อาศัยเพิ่มเติม ด้านการค้าระหว่างประเทศ จีนจะสนับสนุนการนำเข้ามากขึ้น โดยอาจลดภาษีนำเข้า (Import Tariffs) ลงสำหรับบางสินค้า เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและส่งเสริมให้การค้าระหว่างประเทศมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนมีแนวโน้มลดลงในระยะยาว ด้านอัตราแลกเปลี่ยน […]

สหรัฐ: กฏหมายปฏิรูปภาษีผ่านสภา โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ปี 2018

สหรัฐ: กฏหมายปฏิรูปภาษีผ่านสภา โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ปี 2018

สภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาผ่านกฏหมายปฏิรูปภาษีด้วยเสียง 224 ต่อ 201 และ 51 ต่อ 48 ตามลำดับ คาดว่าจะลงนามและบังคับใช้ในปี 2018 ขณะนี้ทางพรรค Republican ได้หันไปเร่งกระบวนการพิจารณากฏหมายงบประมาณชั่วคราว (Continuing Resolution) ที่ต้องผ่านภายในวันที่ 22 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน (Government shutdown) รายละเอียดกฎหมายปฏิรูปภาษี Source: Tax Foundation, TISCO, ESU

มุมมองตลาดตราสารหนี้ เดือนพฤศจิกายน

มุมมองตลาดตราสารหนี้ เดือนพฤศจิกายน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนพฤศจิกายนปรับเพิ่มขึ้น 0.02%-0.10%   โดยมีปัจจัยหลักมาจาก  1) การประมูลพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 5 ปีด้วยวงเงินที่สูงถึง 40,000 ล้านบาท   สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 10,000 -15,000 ล้านบาท    ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงอายุดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นในช่วงการประมูล     2)  เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2560 ขยายตัว 4.3% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และสภาพัฒน์ฯยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขึ้นเป็น 3.9%    3) ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯได้ผ่านการเห็นชอบจากสภาฯผู้แทนและผ่านไปสู่การพิจารณาของวุฒิสภา    ทำให้ตลาดกลับมาให้ความคาดหวังต่อนโยบายปฏิรูปภาษีที่อาจผ่านการพิจารณาจากสภาฯภายในปีนี้และจะกลายเป็นปัจจัยช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีหน้า ช่วงกลางเดือนธันวาคมมีการประชุมธนาคารกลางหลักของโลก 3 แห่งคือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED)    ธนาคารกลางยุโรป(ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ(BOE)      ซึ่งผลการประชุมเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้    โดย ECB และ BOE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินไว้ที่ระดับเดิม     ขณะที่ FED ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.25% – 1.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า    ทำให้ตลาดไม่ได้ตอบสนองต่อผลการประชุมดังกล่าวแต่อย่างใด        อย่างไรก็ตาม    FED ได้ปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี […]

Eurostat ยืนยันยูโรโซนโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาส 3/2017

Eurostat ยืนยันยูโรโซนโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาส 3/2017

ประกาศรอบสุดท้ายจาก Eurostat ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซน 19 ประเทศ เติบโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาสที่ 3/2017 ช้าลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่โตได้ถึง 0.7% QoQ sa เล็กน้อย แต่คงที่จากประมาณการครั้งก่อนหน้า และยังนับว่าเป็นการขยายตัวในระดับสูง โดยในรายงานรอบนี้มีการชี้แจงรายละเอียดของส่วนประกอบ GDP ออกมาด้วย มีใจความสำคัญดังนี้ การบริโภคภาคเอกชน โต 3% QoQ sa และนับว่ายังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แม้ว่าจะชะลอลงจากการเติบโตในหลายไตรมาสที่ผ่านมาก็ตาม โดยล่าสุดเดือน พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขึ้นมาอยู่ที่ 0.1 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 ขณะที่การว่างงานย่อลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 8.8% แต่อัตราค่าจ้างที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก อาจเป็นปัจจัยที่รั้งการบริโภคครัวเรือนไว้อยู่ การลงทุน โตค่อนข้างดีที่1% QoQ sa ภายใต้การดำเนินนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่อยู่ในระดับสูง หลังจากความไม่แน่นอนทางการเมืองหลายเหตุการณ์ผ่านพ้นไป นอกจากนั้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ […]

ธนาคารกลางจีนรับอัดฉีดเงินเข้าตลาด 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางจีนรับอัดฉีดเงินเข้าตลาด 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่าในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้อัดฉีดเงินเม็ดเงินมูลค่า 4.7498 แสนล้านหยวน หรือ 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 4.04 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาดผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เพื่อรักษาสภาพคล่องระหว่างธนาคารให้มีเสถียรภาพ โดยโครงการเงินกู้ประเภทดังกล่าว มีระยะเวลาในการไถ่ถอน 1 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.2% ขณะเดียวกันธนาคารกลางจีนยังอนุมัติเงินมูลค่า 2.418 หมื่นล้านหยวนให้กับสถาบันการเงิน ผ่านโครงการเงินกู้ระยะสั้น (SLF) ในเดือนที่ผ่านมาด้วยเพื่อรองรับความต้องการสภาพคล่อง นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้อัดฉีดเงิน 4.68 หมื่นล้านหยวนให้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาจีน, ธนาคารเพื่อพัฒนาการเกษตรของจีน และธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน ผ่านโครงการจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติม (PSL) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าการดำเนินการผ่านตลาดการเงิน (open market operations) ทำให้ธนาคารกลางจีน ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังธนาคารกลางจีนได้กำหนดนโยบายการเงินปี 2017 ภายใต้กรอบที่ “รอบคอบและเป็นกลาง” เพื่อรักษาระดับสภาพคล่องให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการอัดฉีดมากจนเกินไป

สภาผู้แทนสหรัฐผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษี

สภาผู้แทนสหรัฐผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษี

สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐได้ผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับรีกันในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้ทรัมป์ดูเหมือนว่าได้รับชัยชนะในเบื้องต้นหลังจากขับเคี่ยวกับสภาในเรื่องการลดภาษีมาตั้งแต่ช่วงแรกของปีนี้ สส.ในสภาโหวตกฎหมายปฏิรูปภาษี ที่มีชื่อว่าTax Cuts and Jobs Actด้วยคะแนน227ต่อ205เสียง กฎหมายปฏิรูปภาษีจะตัดลดภาษีนิติบุคคลจาก35%เป็น 20%ในปีหน้า ขั้นบรรได7ขั้นของภาษีจะลดลงเหลือ4ขั้น จะมีกายกเลิกภาษีทรัพย์สินอสังหาฯ และจะเปลี่ยนเป็นระบบภาษีดินแดนแทน หมายความว่าบริษัทจะถูกเก็บภาษีตามสถานที่ที่ก่อให้เกิดรายได้ นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนกล่าวว่าร่างกฎหมายภาษีนี้จะนำไปสู่การจ้างงานเพิ่ม และค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น และคนอเมริกันจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่มีสส.จากพรรคเดโมแครทคนใดแม้แต่คนเดียวที่โหวตให้กับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับรีกันเ มีสส.จากพรรครีพับรีกัน13คน ส่วนมากมาจากรัฐนิวยอร์ค และรัฐนิวเจอร์ซี่แหกคอก ไม่ยอมโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ เนื่องจากเห็นว่าจะมีการยกเลิกการลดหย่อนรายได้ภาษีของรัฐบาลท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีนี้ยังคงเจออุปสรรคอยู่ เพราะว่าต้องมีการนำเสนอต่อสภาเซเนทเพื่อโหวตให้ผ่าน มีการปรับปรุงร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเพื่อสำเสนอต่องคณะกรรมธิการทางการเงินของวุฒิสภา ทำให้ร่างกฎหมายนี้ต่างจากที่ผ่านในสภาผู้แทน เช่นการยกเลิกการให้ประกันภัยต่อคนอเมริกันตามโอบามาแคร์ ร่างกฎหมายของสภาเซเนทจะเลื่อนการลดภาษีออกไปจนถึงปี2019 และการลดภาษีบุคคลจะหมดอายุในปี2025 เพราะว่ายังคงมีความเป็นห่วงกับฐานะการคลังที่ขาดดุล และภาระหนี้ที่สูงของรัฐบาล

เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ไตรมาส 3/2017 โต 6.9% YoY เกินคาด

เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ไตรมาส 3/2017 โต 6.9% YoY เกินคาด

·        GDP ไตรมาส 3/2017 ของฟิลิปปินส์ เร่งขึ้นเป็น 6.9% YoY สูงที่สุดในรอบ 4 ไตรมาส และเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 6.5% YoY ค่อนข้างมาก ทำให้รัฐบาลเชื่อว่า ประเทศฟิลิปปินส์จะเติบโตได้ในกรอบเป้าหมาย 6.5-7.5% ที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้ นอกจากนั้น GDP ไตรมาสที่ 2/2017 ยังถูกปรับขึ้นจาก 6.5% YoY เป็น 6.7% YoY ด้วย ·        ด้านรายได้: ภาคอุตสาหกรรมและการบริการ เป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/2017 จากการขยายตัว 7.5% YoY และ 7.1% YoY ตามลำดับ ทว่า ภาคการเกษตรกลับโตเพียง 2.5% YoY สืบเนื่องจากผลผลิตที่ขยายตัวช้าที่สุดในรอบ 3 ไตรมาส ·        […]

จับตา “Powell” ประธาน FED คนใหม่

จับตา “Powell” ประธาน FED คนใหม่

  Trump ตกลงเลือก Jerome Powell เป็นประธาน FED คนใหม่แทน Janet yellen ซึ่งจะหมดวาระลงในกุมภาพันธ์ 2018 Wall Street ให้การต้อนรับที่ดีต่อข่าวนี้ เพราะแนวความคิดในเรื่องนโยบายการเงินของ Powell เป็นไปในทิศทางเดียวกับ Yellen เช่น การค่อยเป็นค่อยไปของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการลดงบดุลของ FED กว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยพยายามไม่กระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินเป็นหลัก สำหรับเรื่องการดูแลสถาบันการเงิน Powell ไปแนวทางเดียวกับ Trump ที่ต้องการให้สถาบันการเงินมีความคล่องตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น Powell แสดงให้เห็นว่าเขาจะสานต่อนโยบายของ Yellen และไม่พยายามแสดงให้เห็นว่าจะมีรอยต่อที่ส่อให้เกิดปัญหาในการดำเนินนโยบายของ FED

ผู้บริหารอมตะชี้ “สัญญาณบวก” ญี่ปุ่นรับ EEC

ผู้บริหารอมตะชี้ “สัญญาณบวก” ญี่ปุ่นรับ EEC

คัดลอกบางส่วนจากรายงานพิเศษของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจที่ไปสัมภาษณ์ผู้บริหารอมตะ วิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ และ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน หรือ AMATA เปิดเผยว่าหลังพบปะพูดคุยกับทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาในงานเจรจาจับคู่ธุรกิจ เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทุนญี่ปุ่นส่งสัญญาณในมุมมองบวกต่อประเทศไทยขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 15 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2545 การเอาจริงของภาครัฐที่ต้องการให้ทุนญี่ปุ่นกลับเข้ามาลงทุนนั้น สะท้อนมาจาก การเดินหน้าจริงจังของภาครัฐในโครงการ EEC การยกเว้นภาษีโดยเฉพาะภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งการแสดงให้เห็นความต่อเนื่องด้วยแผนพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยรัฐให้คำมั่นว่า ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาต้องเดินตามแผนพัฒนาฯ แก้ไขไม่ได้ เพราะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีประเทศที่เป็นคู่แข่งเกิดขึ้นมาก เช่น เวียดนาม อินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ ทำให้มองข้ามไทยไป โดยเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ ได้แก่ ปัญหาการเมือง ค่าแรงถูกกว่า ทั้งนี้ลูกค้าของบริษัทเองก็มักพูดว่าถ้าประเทศไทยยังเป็นแบบนี้ก็จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น แต่รัฐบาลคสช. สามารถควบคุมสถานการณ์ในประเทศได้ และดึงการลงทุนด้วยอัตราภาษี โดยเฉพาะการยกเว้นภาษีกลุ่มธูรกิจ EEC หากเป็นนิติบุคคลยกเว้น 15% […]

Warren Buffet และ Larry Fink โจมตีแผนลดภาษีของทรัมป์

Warren Buffet และ Larry Fink โจมตีแผนลดภาษีของทรัมป์

  ปู่วอร์เรน บัฟเฟด และลาร์รี่ ฟิงค์ แห่ง BlackRock ได้ออกมาโจมตีแผนลดภาษีของทรัมป์ว่าไม่เป็นธรรม และเชื่อว่าไม่น่าจะออกมาเป็นกฎหมายได้ บัฟเฟดบอกว่าแผนลดภาษีของทรัมป์จะช่วยบริษัทใหญ่ และคนอเมริกันที่รวยที่สุดที่ไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรอยู่แล้ว “พวกเรามีธุรกิจหลายอย่าง และผมไม่คิดว่าบริษัทของพวกเราไม่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกเนื่องจากอัตราภาษีนิติบุคคล” บัฟเฟดกล่าว บัฟเฟดกล่าวต่อไปว่า การยกเลิกภาษีอสังหาฯของทรัมป์จะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะว่ามันจะช่วยครอบครัวอเมริกันที่รวยที่สุดโดยไม่จำเป็น ภาษีอสังหาฯมีผลกระทบต่อครอบครัวอเมริกันเพียง0.2%ในเวลานี้ ไม่มีใครทราบว่าครอบครัวทรัมป์มีทรัพย์สินมากน้อยเพียงใด แต่จะได้ประโยชน์จากการยกเลิกภาษีอสังหาฯ ซึ่งเก็บอยู่ที่อัตรา 40% ในเวลานี้ ส่วนลาร์รี่ ฟิงค์จาก BlackRock บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกออกมาวิจารย์นโยบายลดภาษีของทรัมป์เหมือนกัน โดยเขาบอกว่าการลดภาษีจะทำให้การขาดุลของรัฐบาลสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬาร สำนักงบประมาณของสภาคอนเกรซได้คาดการว่า การลดภาษีจะทำให้การขาดดุลหรือหนี้ของรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มเป็น 25 ล้านล้านดอลลาร์ แผนลดภาษีของทรัมป์จะลดอัตราภาษีที่เก็บกับผลกำไรของบริษัทจาก 30% เป็น 20% ฟิงค์มีความเห็นว่าอัตราภาษีนิติบุคลลที่ระดับ 27% น่าจะเหมาะสมมากกว่า บริษัทอเมริกันส่วนมากเลี่ยงที่จะจ่ายภาษีอยู่แล้ว ด้วยการเก็บผลกำไรที่ต่างประเทศ และอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย บริษัทแอ็ปเปิ้ล ซึ่งมีเงินสดในมือมากที่สุดในบรรดาบริษัทอเมริกันด้วยกันมีการเก็บเงินสด 246,000 ล้านดอลลาร์กับบริษัทลูกในต่างประเทศ บริษัทอเมริกันที่ใหญ่ที่สุด 6 แห่งมีการเก็บเงินสดที่ต่างประเทศรวมกัน 1.6 […]