กองทุนที่เกาะติดเทรนด์โลก ตอน เทคโนโลยี

กองทุนที่เกาะติดเทรนด์โลก ตอน เทคโนโลยี

โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน

BF Knowledge Center

ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก เกิดธุรกิจใหม่ๆ และก็มีหลายธุรกิจที่ล้าสมัย โดยธุรกิจที่ได้รับความนิยม เติบโตได้ดี จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลกสมัยใหม่ หรือเป็นที่ต้องการของคนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ หรือสอดคล้องกับพฤติกรรมของคนยุคใหม่ ด้วยเหตุนี้ทำให้ธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจที่น่าลงทุน แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณาก็คือ การลงทุนที่ดีควรเป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นควรลงทุนในธุรกิจที่เติบโต มีจุดแข็งระยะยาว ขายสินค้าที่เป็นความต้องการระยะยาว หรือพร้อมพัฒนาตนเองตามแนวทางนี้ นำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ได้ โดยต้องไม่ใช่ธุรกิจแฟชั่นฉาบฉวย

ทั้งนี้ การเกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ภาพของเทรนด์เทคโนโลยีชัดเจนขึ้น เห็นความน่าสนใจลงทุนของกลุ่มนี้มากขึ้น เพราะในวันที่เกิดเหตุการณ์หุ้นตกทั่วโลก ธุรกิจชะงัก จะพบว่า ในตลาดการลงทุน ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่กลุ่มที่แข็งแรง ทนทาน ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และเฮลธ์แคร์

ในครั้งนี้ เราขอโฟกัสที่ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) ก่อน

สำหรับ B-INNOTECH ลงทุนในกองทุนหลักกองเดียวคือ Fidelity Funds – Global Technology Fund กองทุนนี้ น้ำหนักลงทุนอยู่ใน 2 ส่วนหลักคือ Information Technology ประมาณ 73% และ Communication Service ประมาณ 19%

กองทุนบัวหลวงเวลาลงทุนจะมองเรื่องเมกะเทรนด์ วางธีมการลงทุน ซึ่งกองทุนหลักที่ B-INNOTECH เข้าไปลงทุนก็มีธีมลงทุนเหมือนกัน โดยมองเรื่อง Digitalization เป็นสำคัญ ซึ่งในสถานการณ์โควิด-19 ช่วยสะท้อนภาพเทรนด์นี้ชัดเจนขึ้น ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะจากการที่คนทั่วโลกต้องทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home

หุ้นกลุ่มหลักๆ ในกองทุนหลักที่ได้ประโยชน์มากช่วงนี้ ได้แก่ Entertainment and gaming หุ้นในกองทุนหลักที่ได้ประโยชน์มากช่วงเวลานี้คือ Netflix ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นมากในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนั้นก็เป็นเรื่อง Online payment ซึ่งอยู่ในธีม Digitalization เช่นกัน รวมถึงธุรกิจ E-commerce เช่น หุ้น Amazon ได้ประโยชน์มาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ B-INNOTECH ไม่อยู่ในกระแสติดลบ เพราะหุ้นที่อยู่ในกองทุนหลักมีรายได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจนในช่วงเหตุการณ์โควิด-19 ระบาด

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด การลงทุน 5G ยังมีการลงทุนต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะสิ้นสุดหรือลากยาวออกไป เทคโนโลยี 5G ก็ต้องมา ยิ่งถ้าโควิด-19 ยังอยู่กับโลกนี้ต่อไปอีก เทคโนโลยี 5G จะยิ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ระบบการใช้ชีวิตด้วยวิถีความปกติแบบใหม่ เช่น การประชุมออนไลน์ การใช้ชีวิตแบบต่างๆ สะดวกขึ้น

แม้กลุ่มเทคโนโลยี จะมีกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากโควิด-19 แต่ก็มีกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 บ้าง เช่น กลุ่มธุรกิจ Service เช่น บริษัท SAP ซึ่งลงทุนด้านคลาวด์ และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทใหญ่ เราทราบกันดีว่าทุกบริษัทได้รับผลกระทบกันหมด ดังนั้นกลุ่มนี้ก็อาจจะมีลูกค้าบางส่วนที่ชะลอการลงทุนไปบ้าง อีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน จากการชะลอการจับจ่าย คือ กลุ่มสมาร์ทโฟน เช่น แอปเปิ้ล ที่การขายช่วงนี้ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็ชดเชยได้ด้วยธีม Digitalization และ 5G Infrastructure

โดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่า ไม่ใช่ธุรกิจเทคโนโลยีทั้งหมดจะได้ผลบวกไปทั้งหมดจากโควิด-19 ก็มีส่วนที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนที่จะต้องพิจารณาเพิ่มน้ำหนักหรือลดน้ำหนักลงทุนในกลุ่มต่างๆ แต่ละช่วงเวลา ทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้

ทั้งนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มของ B-INNOTECH กองทุนหลักลงทุนในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ค่อนข้างมาก เท่าที่ทราบมา หุ้นกลุ่มนี้มีการปรับตัวลงตามภาวะตลาด ซึ่งทีมงานกองทุนบัวหลวงได้สอบถามไปยังผู้จัดการกองทุนหลักเกี่ยวกับการลงทุนในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ก็พบว่า กองทุนหลักมีการกลับไปลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ เพราะเชื่อว่า หุ้นกลุ่มนี้จะกลับมาเร็วและแรง ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ

ในส่วนของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ หรือ B-FUTURE กองทุนนี้ลงทุนในธีมการจับจ่ายและการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในอนาคต โดยกองทุนนี้จะไปลงทุนใน Allianz Global Artificial Intelligence กองทุนเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกลุ่มนี้ก็ได้รับประโยชน์ในช่วงโควิด-19 ระบาดเช่นกัน จากการที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาใช้ช่วงนี้

อีกส่วนหนึ่งของกองทุน B-FUTURE นี้ลงทุนในกองทุน Fidelity Funds – China Consumer Fund ส่วนที่เกี่ยวกับการบริโภคของคนจีน แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้การจับจ่ายชะลอลงบ้าง แต่เรายังเชื่อในศักยภาพของการใช้จ่ายในจีนซึ่งมีจำนวนประชากรที่มากของจีน ประกอบกับเชื่อมั่นในการทำงานของผู้จัดการกองทุนที่จะมีการปรับเปลี่ยนหุ้นที่ลงทุนให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ที่มีความเป็นปกติแบบใหม่มากขึ้น

นอกเหนือจาก B-FUTURE จะลงทุนผ่านกองทุนแล้ว กองทุนบัวหลวงก็มีการเลือกลงทุนในหุ้นโดยตรงเองด้วย ซึ่งก็มีการเพิ่มน้ำหนักลงทุน เช่น หุ้นบริษัท อาลีบาบา เป็นต้น

สำหรับในครั้งถัดไป เราจะนำเรื่องราวของกองทุนเกาะเทรนด์โลกอีกกลุ่ม ก็คือ เฮลธ์แคร์ มานำเสนอให้ผู้ลงทุนได้ทราบกันว่า กลุ่มนี้น่าสนใจอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด กลุ่มนี้ได้ประโยชน์ หรือได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง