Fund Comment กรกฎาคม 2563: ภาพรวมตลาดหุ้น

Fund Comment กรกฎาคม 2563: ภาพรวมตลาดหุ้น

“สิ่งที่ตลาดกำลังจับตามองต่อไป คือ พัฒนาการของสถานการณ์การแพร่ระบาด และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจว่าจะช้าเร็วกว่าที่คาดหวังไว้อย่างไร รวมทั้งปัจจัยที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กระทบกับตลาดในระยะสั้น”

 

ตลาดหุ้นโลกโดยภาพรวมยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความคาดหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากนักลงทุน และอิทธิพลจากนโยบายการเงินโลกที่ผ่อนคลาย ในขณะที่สัญญาณทางเศรษฐกิจนั้น กำลังเริ่มฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ หลังจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง และแรงหนุนจากมาตรการสนับสนุนขนาดใหญ่จากทางภาครัฐ ซึ่งมากถึง 7% ของ GDP โลก เป็นการกระตุ้นทางการคลังที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมานั้น ภาคการบริโภคหรือยอดค้าปลีกส่งสัญญาณการฟื้นตัวได้เร็ว ในขณะที่ภาคการบริการ อย่างสายการบิน โรงแรม หรือร้านอาหารนั้น ยังคงฟื้นตัวช้ากว่ามาก ทั้งนี้ ตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยที่ดีนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก Pent Up demand และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้หลังจากนี้การฟื้นตัวอาจจะชะลอลงได้บ้าง แต่ก็จะสะท้อน Demand ที่แท้จริงมากขึ้น

จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงอยู่ที่พัฒนาการทางการแพทย์ในการผลิตวัคซีนต้านไวรัส ซึ่งที่ผ่านมานั้น สามารถมีพัฒนาการเชิงบวกออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มีบริษัทที่อยู่ระหว่างวิจัยและทดลองมากกว่า 170 บริษัท ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะสามารถผลิตเพื่อใช้ได้ภายในปีหน้า ทั้งนี้ การมีระบบการสนับสนุนทางการแพทย์ที่ดีขึ้น และตัวเลขค่าเฉลี่ยอายุของผู้ติดเชื้อที่ลดลง ทำให้อัตราการเสียชีวิตนั้นไม่สูงเหมือนในช่วงแรก รวมถึงการที่ประชาชนใส่ใจในความปลอดภัยและสุขลักษณะมากขึ้น ทำให้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องปิดเมืองแบบเด็ดขาด ซึ่งจะเป็นสิ่งที่กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ดังนั้น ถ้าเศรษฐกิจยังคงสามารถขับเคลื่อนการฟื้นตัวไปได้ต่อเนื่อง จนทางการแพทย์สามารถผลิตวัคซีนหรือประชาชนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ เศรษฐกิจก็มีโอกาสพ้นจากวิกฤตโดยไม่สร้างความเสียหายไว้มากเกินไป

แนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะยังคงได้รับแรงหนุนจากสภาพคล่องในระบบ โดยมีความเป็นไปได้น้อยที่จะเห็นนโยบายการเงินกลับมาเข้มงวด เนื่องจากยังคงมีความจำเป็นในการมีนโยบายการเงินและการคลังช่วยประคับประคองเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ระดับ Valuation ที่เพิ่มขึ้นมาเร็วและอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดหุ้นหลักๆรวมทั้งไทย ทำให้ Upside ในช่วงสั้นอาจจะมีจำกัด โดยสิ่งที่ตลาดกำลังจับตามองต่อไป คือ พัฒนาการของสถานการณ์การแพร่ระบาด และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจว่าจะช้าเร็วกว่าที่คาดหวังไว้อย่างไร รวมทั้งปัจจัยที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กระทบกับตลาดในระยะสั้น

สำหรับตลาดหุ้นไทย ปรับลดลงเล็กน้อย -0.8% ในเดือนกรกฎาคม รวมตั้งแต่ต้นปีปรับลดลงอยู่ -15.9% ในเดือนนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ ที่ 1.0 หมื่นล้านบาท แต่ก็ลดลงจากเดือนมิถุนายนที่ 2.3 หมื่นล้านบาท และเดือนพฤษภาคม ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ยังมีความ Selective เนื่องจากตลาดได้รับรู้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปล่วงหน้าบ้างแล้ว และการฟื้นตัวหลังจากนี้อาจจะชะลอลง ทำให้ตลาดยังเผชิญกับความผันผวนได้ ขณะที่ ระดับ Valuation แม้อยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติของตลาด แต่ก็มีแนวโน้มที่จะยืนระดับได้จากสภาวะสภาพคล่องทางการเงิน การลงทุนจึงควรเลือกเน้นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีผลประกอบการดี หรือมีแนวโน้มผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้