มองไปข้างหน้า หลังสิงคโปร์ประกาศทิศทางนโยบายเชิงการคลัง

มองไปข้างหน้า หลังสิงคโปร์ประกาศทิศทางนโยบายเชิงการคลัง

รัฐบาลสิงคโปร์กำหนดงบประมาณคลังสำหรับปีงบประมาณ 2018 (1 เม.ย. 2018 – 31 มี.ค. 2019) ให้ขาดดุล -6 ร้อยล้าน SGD พลิกจากที่เกินดุล +9.61 พันล้าน SGD ในปีงบประมาณ 2017 สืบเนื่องจากการขาดดุลการคลังที่ไม่รวมรายจ่ายที่เกี่ยวกับภาระหนี้ (Primary Deficit) จากรายได้ดำเนินงาน (Operating Revenue) ที่ลดลงเหลือ 7.27 หมื่นล้าน SGD

ขณะที่รายจ่าย (Expenditure) เพิ่มขึ้นเป็น 8.00 หมื่นล้าน SGD โดยในปีงบประมาณนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดสรรงบประมาณราว 700 ล้านSGD สำหรับเป็นของขวัญให้กับชาวสิงคโปร์ทุกคนหรือ Hong Bao โดยเป็นเงินให้เปล่าที่ 100-300 SGD ต่อคนอีกด้วยโดยรัฐบาลจะเริ่มนำจ่ายปลายปีนี้

มองออกไปข้างหน้า รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศทิศทางนโยบายเชิงการคลังออกมาด้วย มีใจความสำคัญหลายอย่างที่ตลาดให้ความสนใจ อาทิ

  1. การเพิ่มภาษีสินค้าและบริการ (GST) ขึ้นจาก 7.0% เป็น 9.0% ในช่วงปี 2021-2025
  2. การเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผ่านการเพิ่มการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Tax Rebate) และยืดเวลาโครงการ Wage Credit Scheme ออกไป
  3. เก็บภาษีกับผู้ให้บริการที่มีฐานอยู่ในต่างประเทศ นับตั้งตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป
  4. เพิ่มค่าอากรแสตมป์ผู้ซื้อ (Buyer’s Stamp Duty) ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย จาก 3.0% เป็น 4.0% ในสัดส่วนของมูลค่าเกิน 1 ล้าน SGDขึ้นไป
  5. เก็บภาษีคาร์บอน 5 SGD ต่อตัน สำหรับโรงงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมามากกว่า 25,000 ตันขึ้นไป บังคับใช้ตั้งแต่ 2019-2023