ธนาคารกลางจีนออกกฎคุมเข้มกันการผูกขาดกับนอนแบงก์ที่ให้บริการชำระเงิน

ธนาคารกลางจีนออกกฎคุมเข้มกันการผูกขาดกับนอนแบงก์ที่ให้บริการชำระเงิน

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ธนาคารกลางจีนเสนอมาตรการยกระดับต่อต้านการผูกขาด สำหรับบริษัทในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการชำระเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) เช่น อาลีเพย์ ของแอนท์ กรุ๊ป และวีแชท เพย์ ของเทนเซ็นต์

ภายใต้ร่างกฎหมายนี้ ธนาคารกลางจีนสามารถให้คำแนะนำคณะกรรมการต่อต้านการผูกขาดของสภาแห่งรัฐ ให้หยุดบริษัทที่ใช้ตำแหน่งที่โดดเด่นหรือยกเลิกนอนแบงก์ ถ้าพบว่าบริษัทขัดขวางพัฒนาการที่ดีของตลาดบริการชำระเงิน

จนถึงตอนนี้ จีนมีผู้เล่นที่มีใบอนุญาตทั้งหมด 233 ราย โดยมีผู้นำในตลาด ได้แก่ อาลีเพย์ และวีแชท เพย์ ในเชิงยอดการทำธุรกรรมออนไลน์ ตามรายงานของ ไอรีเสิร์ช บริษัทที่ปรึกษา

ธนาคารกลางจีนเสนอกฎนี้พร้อมกับที่รัฐบาลจีนระงับกิจกรรมทางการเงินอย่างกว้างขวางกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ท่ามกลางการเติบโตซึ่งทำให้เกิดความกังวลถึงความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบจากการแพร่ระบาดทางการเงิน อันเป็นผลจากการสร้างอาณาจักรของบริษัทดังกล่าว

การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ นำไปสู่การระงับบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ยักษ์ใหญ่ แอนท์ กรุ๊ป ในการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน พ.ย. 2020

“อุตสาหกรรมการเงินเริ่มขึ้นอยู่กับข้อมูลสารสนเทศมากขึ้น จึงนำไปสู่การดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อเพิ่มความพยายามในการต่อต้านการผูกขาดในอุตสาหกรรมนี้” Liu Xu นักวิจัย สถาบันกลยุทธ์แห่งชาติ มหาวิทยาลัยชิงหัว กล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนจะเจรจากับสถาบันการเงินเกี่ยวกับการครอบครองตลาด เมื่อเป็นผู้เล่นรายเดียวที่ครองส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ของตลาดให้บริการชำระเงินของนอนแบงก์ หรือเมื่อส่วนแบ่งตลาดของผู้เล่น 2 รายรวมกันถึงครึ่งหนึ่งของตลาดรวม นอกจากนี้จะถือว่าสถาบันการเงินผูกขาดเมื่อมีผู้เล่นรายเดียวครองสัดส่วนการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดมากกว่าครึ่งหนึ่ง โดยในจำนวนนี้รวมการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินผ่านมือถือด้วย

ผู้ให้บริการชำระเงินที่เป็นนอนแบงก์จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการต่อต้านการผูกขาดและการฟอกเงินของธนาคารกลางจีน หากมีการละเมิดอย่างรุนแรง ธนาคารกลางจีนสามารถเพิกถอนใบอนุญาตของผู้เล่นได้ภายใต้กฎใหม่