เจาะลึก Theme การลงทุนปี 2021 ของกองทุนบัวหลวง

เจาะลึก Theme การลงทุนปี 2021 ของกองทุนบัวหลวง

กองทุนบัวหลวงเปิดตัว Theme การลงทุนปี 2021 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ คุณสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน (CIO) ของกองทุนบัวหลวง จะมาขยายความให้ฟังเกี่ยวกับ Theme การลงทุนนี้กัน

Q : Theme การลงทุนปี 2021 ของกองทุนบัวหลวงคืออะไร

A : Theme การลงทุนในปีนี้ก็คือ ผ่านพ้นอุปสรรค เปิดรับ new normal ที่ผ่านมา ธุรกิจก็พบกับอุปสรรคค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ digital disruption ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร่งตัวด้วย ซึ่งบริษัทที่สามารถปรับตัวเข้ากับความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภค รวมถึงการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ก็สามารถเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งได้ ส่วนอีกประเด็นที่เรายังให้ความสำคัญคือเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environment – สิ่งแวดล้อม, Social – สังคม, Governance – ธรรมาภิบาล) ซึ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา

Q : กองทุนบัวหลวงคัดเลือกลงทุนในธุรกิจผู้ชนะจาก Disruption อย่างไร

A : แต่ละธุรกิจก็ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไปจาก Disruption บางธุรกิจก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเลย เรียกว่าอาจจะถึงขนาดที่ว่ารายได้หายไปเยอะมาก ส่วนบางธุรกิจความต้องการบริโภคสินค้า หรือความต้องการในการใช้บริการแบบเดิมๆ ก็ยังมีอยู่ ฉะนั้นบริษัทที่แข็งแกร่งก็คือบริษัทที่มีสัดส่วนของความต้องการใช้สินค้าและบริการรูปแบบเดิมๆ ในสัดส่วนที่สูง บวกกับทางด้านการจัดการมีแนวทางที่จะปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนแปลงไป

Q : โควิด-19 เป็นตัวเร่งที่ทำให้เห็นว่าธุรกิจจำเป็นต้องมี ESG?

A : ESG มีความสำคัญมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ธุรกิจที่บริหารงานอย่างสุ่มเสี่ยงหรือไม่มีธรรมาภิบาลที่ดีก็จะได้รับผลกระทบ เช่น ซัพพลายเชน บางธุรกิจมีซัพพลายเออร์เพียงรายเดียวหรือน้อยราย ก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องกรผลิตที่อาจจะชะงักไป ส่งผลกับผลประกอบการได้

ส่วนนักลงทุนก็ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้น มีเงินลงทุนในกองทุน ESG เพิ่มขึ้นทุกปี กองทุนบัวหลวงก็ให้ความสำคัญกับ ESG ในการพิจารณาลงทุน เราก็นำ ESG เป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาลงทุนด้วย

Q : มุมมองการลงทุนในไทยปี 2021 เป็นอย่างไรบ้าง

A : เศรษฐกิจไทยก็มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวตามสถานการณ์ COVID-19 ที่ปรับตัวดีขึ้น แล้วเศรษฐกิจไทยก็พึ่งพิงการส่งออก รวมทั้งการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นตลาดก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่จะดีขึ้น

Q : ในระยะยาวการลงทุนในธุรกิจไทยมีปัจจัยอะไรต้องติดตามบ้าง

A : ในระยะยาวการ Disruption ก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นเราก็คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต จะมีธุรกิจใดที่ถูก disrupt หรือจะมีธุรกิจใดไป disrupt คนอื่น เพราะฉะนั้นธุรกิจที่แข็งแกร่งก็คือธุรกิจที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป

Q : ถ้าต้องการลงทุนแล้วมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจขึ้นต้องพิจารณาอย่างไร

A : สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังการเติบโตที่สูง การลงทุนในต่างประเทศก็เป็นตัวเลือกที่สำคัญ มีทางเลือกมากมายสำหรับนักลงทุนที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับ E-commerce, work from home ,telemedicine แต่ว่านักลงทุนก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของระดับราคาด้วยว่ามีการสะท้อนเรื่องการเติบโตมากเกินไปหรือยัง หรือ Good trade จะต้องดูว่าระดับราคาสูงเกินไปหรือไม่ นอกจากการพิจารณาในเรื่อง Good stock ว่าบริษัทนั้นมีการเติบโตที่ดีหรือเปล่า

Q : มีคำแนะนำให้นักลงทุนรับมือการ disruption อย่างไรบ้าง

A : คำแนะนำสำหรับนักลงทุน ในเรื่อง disruption ก็คือ ต้องมีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงระดับราคาของหลักทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนด้วย ซึ่งถ้าลงทุนผ่าน บลจ.บัวหลวง เราก็ติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว ในส่วนของการกระจายความเสี่ยง เราแนะนำให้กระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของนักลงทุนแต่ละคน