BBLAM Weekly Investment Insights 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2022

BBLAM Weekly Investment Insights 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2022

2022 – Opportunities are never lost

สัญญาณอะไรที่ทำให้เราน่าจะเห็นสัญญาณตลาด bottom?

ในก้าวย่างที่เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่เดือนธันวาคม 2022 และกลิ่นอายของปี 2023 กำลังย่างก้าวเข้ามาทุกขณะ สัปกดาห์นี้ BBLAM จึงมาชวนดูกันว่า โอกาสฟ้าเปิด หุ้นเมื่อไรจะพ้นจุด bottom เสียที ซึ่งก็ไม่มีใครบอกเวลาที่แน่นอนได้ว่าเมื่อไร แต่เราก็พอมองไปที่บทเรียนในอดีตและมาสรุปว่าสัญญาณอะไรบ้างที่เราสังเกตุได้ สัปดาห์นี้ จึงนำบทความของ คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM ที่กล่าวถึงประเด็นข้างต้นไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้

ถ้าดู ช่วงที่ตลาด bottom หลังจากที่เกิดตลาดหมี ไม่ว่าจะเป็นช่วงปี 1982 , 1987, 2002, 2009, 2020 สิ่งหนึ่งที่เราเห็นคล้าย ๆ กันคือ เราสามารถใช้สัญญาณจากตลาดอื่น ๆ มาเป็นสัญญาณในตลาดหุ้นได้

  1. สัญญาณชัดเจนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าค่าเงินดอลลาร์แข็งก็แปลว่าคนยังวิ่งหาเงินสด หาสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ จะเห็นได้ว่าในแต่ละช่วงของตลาดหมี ก่อนที่ตลาดหุ้นจะเจอจุดต่ำสุด ค่าเงินดอลลาร์ต้องหยุดขึ้นให้ได้ก่อน หุ้นถึงจะขึ้นได้ ซึ่ง BBLAM คิดว่าดอลลาร์น่าจะพีคไปแล้ว
  2. ตลาดพันธบัตรก็เป็นสัญญาณบอกตลาด bottom ได้ เช่น เราต้องเห็น พันธบัตรรัฐบาลอเมริกา สิบปี และสองปี พีคก่อน แปลว่า ยิวไม่ปรับขึ้นแล้ว หรือเราต้องเห็นว่า ความห่างระหว่างพันธบัตรสองปีกับสิบปี ไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็คือ spread 2/10 ไม่เพิ่มขึ้น ก็เป็นสัญญาณอันหนี่งที่เราเจอแทบทุกรอบก่อนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น คือบอนด์ยิวต้องไม่เพิ่ม แปลว่าตลาดบอนด์ซึ่งเป็นตลาดที่มี price signal เรื่องการชำระหนี้ การชำระดอกเบี้ย เจอเสถียรภาพทางด้านราคา แปลว่า นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนในตลาดบอนด์ก่อน ซึ่ง BBLAM คิดว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้
  3. ถ้าดูสภาวะเศรษฐกิจ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือ PMI ก็เป็นตัวบอกได้เช่นกันว่า ตลาดจะปรับตัวขึ้นไหม ต้องให้ PMI ไม่ลงต่อ ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่ำกว่า 50 คือหดตัว ตลาดหุ้นก็จะฟื้นได้ แปลว่า สภาพเศรษฐกิจยังดูแย่ แต่ถ้าไม่แย่ไปมากกว่านี้ ตลาดหุ้นก็ฟื้น ตัวเลขนี้ใช้ได้ทุกรอบ ยกเว้นตอนปี 2020 ที่เกิดโควิด เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นแต่ได้ QE ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้
  4. สุดท้าย คือ ทอง เราจะเห็นว่า ทองจะต้องหยุดลงก่อนที่ตลาดหุ้นจะฟื้น แปลว่าหลาย ๆ รอบตลาดหมี เราจะเห็นว่าทองจะขึ้นก่อนหน้าหุ้นจะขึ้น ซึ่งตอนนี้ราคาทองก็ปรับตัวขึ้นได้บ้าง 

อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่พูดมาทั้งหมดนี้ใช้ได้ในแง่ Check list ว่า บอนด์ยิวหยุดขึ้นรึยัง หรือดอลลาร์หยุดขึ้นแล้วรึยัง ทองหยุดลงรึยัง แต่ถ้าเอามาบอกเป็นจำนวนเดือนว่า เดือนไหนตลาดจะ Bottom จะใช้ไม่ได้ ใช้เป็นแค่ Check list ได้เท่านั้น แต่ ณ ตอนนี้ Check list บางตัวเริ่มมา

ในภาพใหญ่เห็นได้ว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นข่าวร้ายในตลาด เข้าไปอยู่ในราคาพอสมควร When all the experts and forecasts agree, something is going to happen อันนี้ใช้ได้ในสถานการณ์นี้อย่างดี ก็คือ เมื่อใดที่ผู้เชี่ยวชาญ และนักคาดการณ์ มองไปในทิศทางเดียวกันมาก ๆ ทุกคนพูดถึง เงินเฟ้อ เศรษฐกิถดถอยมาก ๆ เวลาที่ทุกคนเห็นตรงกันมาก ๆ และเงินเฟ้อ price in ไปในตลาดมาก ๆ สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อก็อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนดีอย่างที่เราคิด อย่างเช่น พลังงาน และ สินค้า Commodity  เพราะตลาดได้เล่นธีมเรื่องเงินเฟ้อไปมากแล้ว ดังนั้น เราคิดว่า เงินเฟ้อจะปรับตัวลงในปีหน้า สินทรัพย์ที่เคยโดยเทขายมาก ๆ เช่น บอนด์ตัวยาวๆ พันธบัตรรัฐบาลสิบปีของอเมริกา หรือว่าหุ้นเทคโนโลยี อาจจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา  

สำหรับในเรื่องเศรษฐกิจถดถอย มีสอง scenarios 

  • ถ้า scenario แรก คือ เป็นเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่รุนแรง ไม่ลึก ไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ อันนี้ก็เข้าไปอยู่ในราคาแล้ว เพราะถ้าเรามองว่าตลาดคือส่วนประกอบหลักของ P/E และ EPS ตอนนี้ P/E เหลือ 15.8 ซึ่งคิดว่าเริ่มสมเหตุสมผลกับ เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูง และ EPS ของตลาดในไตรมาสนี้ที่ปรับตัวลงมา เช่น หุ้นเทคโนโลยีทั้ง sector โดน Revise down ลงมาแล้ว ยิ่งบริษัทเทคต่าง ๆ อย่างเช่น MSFT ที่ถือเป็นหนึ่งในบริษัทเทคฯที่แข็งแกร่งมากที่สุดตัวหนึ่ง ก็ยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยโดยบริษัทออกมาให้ guidance ว่าปีหน้ารายได้น่าจะชะลอ ส่วนที่แข็งแกร่งคือ ธุรกิจคลาวด์ก็คาดว่าน่าจะชะลอ เรามองว่า ถ้าเป็น scenario นี้ เราคิดว่าหลังจากที่ตลาดปรับประมาณการณ์กำไรไปแล้วซักพัก จะเป็นโอกาสในการซื้อ เพราะเป็นการซื้อบริษัทที่แข็งแกร่ง แต่เจอความต้องการที่ชะลอตัว และถ้าเกิดเป็นกรณีนี้ ค่าเฉลี่ยในอดีตคือตลาดจะปรับตัวลงไป 11% ในขณะที่ปัจจุบันตลาดลงไป 20% แล้ว

และที่สำคัญ คือ ถ้าเจอวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ๆ นักวิเคราะห์จะปรับกำไรลงประมาณ 19 เดือน คือหลังจากนี้เป็นต้นไป เราจะเห็นว่าตลาดมีการปรับกำไรลงอย่างต่อเนื่อง แต่ที่สำคัญคือ ตลาดหุ้นจะขึ้นก่อนที่ Earnings downgrade จบ แปลว่า ตลาดหุ้นจะขึ้นท่ามกลางข่าวร้ายๆ ของบริษัท

  • Scenario ที่สองคือเป็นเศรษฐกิจถดถอย และพ่วงมากับการผิดนัดชำระหนี้ อันนี้ก็ทำให้เราอยู่ในตลาดหมีที่ลึกและยาวนานกว่านี้ ความลึกของ S&P สามารถลงไปได้ 34% เลย แปลว่าปัจจุบันที่ลงมาประมาณ 20% ยังมี downside 

นักลงทุนที่ต้องการสนใจลงทุนกองทุนรวมของ BBLAM สามารถเข้าลงทุนผ่าน โมบายแบงก์กิ้ง จาก ธนาคารกรุงเทพ ได้ที่ Facebook shop ของ BBLAM 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/28-2-2022-1