Fund Comment มกราคม 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น

Fund Comment มกราคม 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นแนวโน้มต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว ทั้งในส่วนของตลาดสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ด้วยความคาดหวังว่า การขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้นใกล้จะสิ้นสุดลง และการเปิดประเทศเร็วกว่าคาดของจีนจะเป็นแรงช่วยสนับสนุนต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งการประชุม FOMC ล่าสุดในวันที่ 31 มกราคม ถึง 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% นั้นเป็นไปตามที่ตลาดคาด ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีสัญญาณที่ดีและไม่ดีปะปนกัน โดยในภาคการจ้างงานนั้น นับว่าค่อนข้างดี ขณะที่ ดัชนีชี้วัดทางด้านธุรกิจภาคอุตสาหกรรมยังหดตัวลงมากกว่าคาด ทำให้ความกังวลของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ นั้นยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป

ทั้งนี้ Valuation ของหุ้นในตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ อาจจะมีความตึงตัวไปบ้าง โดยเฉพาะธุรกิจที่ไม่ใช่เทคโนโลยี แต่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีนั้น แม้ราคาจะนับว่าไม่แพง แต่ด้วยผลประกอบการล่าสุด พบว่า หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลายตัวมีสัญญาณการชะลอตัวมากขึ้นของรายได้ ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อการประเมินมูลค่าในอนาคต ส่วนหุ้นจีนที่ปรับตัวขึ้นมาเร็วก็อาจจะมีการถูกขายทำกำไรบ้าง เนื่องจากราคาหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเร็วเกินไป ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจจะทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดต่างประเทศไม่ได้เป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยได้ในระยะสั้น

สำหรับตลาดหุ้นไทย แม้จะไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนักตั้งแต่ต้นปีนี้ ด้วย Valuation ที่ตึงตัวไปบ้างในบางธุรกิจที่เกี่ยวกับการเปิดประเทศซึ่งราคาหุ้นขึ้นมาสะท้อนความคาดหวังไปแล้วในช่วงก่อนหน้า แต่นักลงทุนยังคงมีความหวังกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่อาจจะช่วยให้ธุรกิจในบางกลุ่มสามารถฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาดได้ ประกอบจากการคาดการณ์ของสำนักวิจัยเศรษฐกิจหลายแห่งมีมุมมองว่า เศรษฐกิจไทยนั้นจะเติบโตได้มากกว่าเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยมีความแข็งแกร่งมากกว่าตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะในภาวะที่เกิดความผันผวนในด้านลบ จึงคาดว่า SET Index น่าจะอยู่ในลักษณะ Side-ways ไปอีกสักพักหนึ่ง ประกอบกับค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาอ่อนค่าอาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติลดปริมาณการซื้อต่อเนื่องลง กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความน่าสนใจ ยังคงเกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว โดยเน้นตัวที่ยังมี Valuation ไม่ได้สูงมากนัก เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจการแพทย์ ธุรกิจธนาคาร เป็นต้น