ภัยคุกคาม ‘Apple’ ‘Microsoft’ เล็งตั้งศูนย์รวมแอปฯ ชิงรายได้จาก App Store!

ภัยคุกคาม ‘Apple’ ‘Microsoft’ เล็งตั้งศูนย์รวมแอปฯ ชิงรายได้จาก App Store!

แม้ว่า Microsoft จะเคยล้มเหลวในการปั้นมือถือ Windows Phone แต่ล่าสุด บริษัทเทครายใหญ่นี้มีแผนปั้นศูนย์รวมแอปฯ ของตัวเอง ซึ่งอาจชิงรายได้ไม่น้อยจาก App Store ของ Apple ด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ Morgan Stanley บริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ออกบทวิเคราะห์เตือนว่า “Microsoft” บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ระดับโลก อาจจะเป็น “ภัยคุกคามใหญ่ที่สุด” ในอนาคต ต่อบริษัท “Apple” เจ้าของมือถือ iPhone ในด้าน App Store ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอปพลิเคชันต่างๆ ของ Apple

เหตุผลเพราะว่า บริษัท Microsoft กำลังมีแผนสร้างศูนย์รวมแอปฯ ดังกล่าวเข้าแข่ง โดยเฉพาะแอปฯ เกม ในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android

ในบทวิเคราะห์ Morgan Stanley ระบุว่า หากจำลองสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ศูนย์รวมแอปฯ ของ Microsoft สามารถชิงรายได้เกมจาก Apple ได้ทั้งหมด นั่นจะเท่ากับ 8% ของรายได้ App Store ของ Apple และเท่ากับ 2% ของรายได้ด้านบริการของ Apple อีกทั้งยังสามารถลดรายได้ และกำไรสุทธิต่อหุ้นของ Apple ลงถึง 1%

ก่อนหน้านี้ บริษัท Microsoft พยายามเข้าซื้อกิจการบริษัท Activision ซึ่งเป็นเจ้าของเกมชื่อดังอย่าง Call of Duty, World of Warcraft, Guitar Hero, Candy Crush Saga ฯลฯ โดยมูลค่าดีลนี้จะสูงถึง 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 2.3 ล้านล้านบาท

ล่าสุด บริษัท Microsoft ชนะคดีทางศาล เมื่อโจทก์อย่างคณะกรรมาธิการการค้ารัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Federal Trade Commission) ได้พยายามขัดขวางดีลดังกล่าว ด้วยการยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ เพราะมองว่า บริษัท Microsoft กำลังเข้าผูกขาดตลาดเกม

ศาลสหรัฐฯ ได้พิพากษาว่า ข้อกล่าวหาที่ว่า ดีลดังกล่าวอาจทำให้ผลิตภัณฑ์เกมราคาสูงขึ้น นวัตกรรมถูกลดทอนลง ผู้บริโภคมีตัวเลือกน้อยลง และ Microsoft กำลังผูกขาดตลาดนั้น “ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอ” จึงพิพากษายกฟ้อง

แม้ว่า ทางการสหรัฐฯ จะแพ้คดีทางศาล แต่ยังสามารถยื่นเรื่องพร้อมหลักฐานประกอบใหม่อีกครั้งได้ ขณะเดียวกัน ฝั่งรัฐสภายุโรปก็กำลังเร่งบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดทางดิจิทัล (Digital Markets Act) ที่กำหนดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft, Apple, Meta, Amazon, Google ต้องมีทางเลือกให้ผู้บริโภคสามารถถอดถอนแอปฯ และแสดงความยินยอมในการให้ข้อมูลส่วนตัวอย่างชัดเจน รวมไปถึงบริษัทดังกล่าวจะไม่สามารถจำกัดผู้บริโภคให้ใช้งานเฉพาะแพลตฟอร์มตัวเองได้

ที่มา: reuters  cnbc  investopedia