BF Knowledge Tips: อินเดียกับศักยภาพการเป็นผู้นำร่วมในเอเชีย

BF Knowledge Tips: อินเดียกับศักยภาพการเป็นผู้นำร่วมในเอเชีย

โดย เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®BBLAM

อินเดียเป็นประเทศใหญ่ในเอเชีย ที่เรารู้จักกันมานาน แต่ในแง่ของตลาดการลงทุน เรายังรู้จักอินเดียน้อยกว่าประเทศใหญ่อย่างจีน แต่ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อินเดียก็ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง และมีทิศทางที่ดีในระยะกลางและระยะยาว ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายประการ

ประการแรก คือ พื้นฐานด้านประชากรศาสตร์ของอินเดียสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก ตอนนี้ อินเดียอยู่ระหว่างการก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแซงจีน ตัวเลขประชากรอินเดียล่าสุดตามรายงานของสหประชาชาติ เดือนเมษายนปีนี้ คือ 1,425 ล้านคน ส่วนจีนกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและมีอัตราการเกิดลดลง ขณะที่ อินเดียประชากรส่วนใหญ่ยังเป็นวัยหนุ่มสาว เป็นวัยแรงงานถึง 60% และประชากรยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ประเด็นเรื่องจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และเป็นวัยแรงงานเกินครึ่ง เป็นวัยสร้างรายได้และมีฐานะเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ สิ่งเหล่านี้สนับสนุนการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเป็นอย่างดี

ประการที่ 2 คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียที่ดีอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ชนชั้นกลางในอินเดียเพิ่มขึ้น มีเงินในมือมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีไปอีกนาน สำหรับอัตราการเติบโตของ GDP ประเทศอินเดียในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตได้ดี เป็นประเทศในกลุ่ม BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่เศรษฐกิจมีศักยภาพสูงในด้านการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตสูงที่สุด คาดการณ์ว่า ปี 2570 เศรษฐกิจอินเดียจะใหญ่เป็นอันดับสามของโลก แซงหน้าเยอรมัน และญี่ปุ่น เป็นรองเพียงสหรัฐฯ และจีนอีกด้วย

ประการที่ 3 คือ พื้นฐานของคนอินเดียที่มีความเก่ง เราทราบกันดีว่า คนอินเดียมีพื้นฐานความฉลาดในด้านวิทยาศาสตร์ ตัวเลข การทำธุรกิจต่างๆ สำหรับประเทศอินเดียมีคนที่เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในโลกยุคใหม่ ทำให้มีการลงทุนภาคเอกชนจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติที่มีโรงงานในจีนแล้วเจอปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ก็มีหลายกิจการที่เลือกอินเดียเป็นฐานการผลิต นอกเหนือจากอาเซียนบ้านเรา

ปัจจัยสุดท้าย และถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการเติบโตสำหรับประเทศเกิดใหม่ทุกแห่ง นั่นคือ การเมืองที่มีความมั่นคงทางและนโยบายเศรษฐกิจที่ถูกต้องต่อเนื่อง หลังจากที่นายนเรนทรา โมดี นำพรรคบีเจพีชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 และได้เป็นผู้นำของอินเดียในตำแหน่งประธานมนตรีต่อเนื่องมา 9 ปีถึงตอนนี้ ก็ทำให้อินเดียมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นในหลายๆ ด้าน

อย่างไรก็ดี ความเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กล้าทำสิ่งใหม่ๆ และเก่งในการเจรจา ทำให้เป็นที่ถูกใจของคนอินเดียที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นฮินดู ซึ่งก็เป็นคนชาตินิยมฮินดูด้วย ด้านนโยบายเศรษฐกิจสำคัญที่ผ่านมา คือ แนวคิด New India ที่สอดคล้องกับขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้นและโลกยุคใหม่ นโยบายมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573  หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1 เท่าจากปี 2561

แนวคิด New India มีหัวใจหลัก 4 เรื่อง คือ ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (Drives) โดยรักษาให้ GDP เติบโตร้อยละ 8 ในปี 2561–2566 รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เพื่อรองรับการเติบโตและคุณภาพทางสังคม ตลอดจนการพัฒนาแบบองค์รวม (Inclusion) การยกระดับคุณภาพการศึกษา คุณภาพชีวิต ยกระดับเรื่องสุขภาพ และการพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมกับเรื่องสุดท้าย คือ การยกระดับธรรมาภิบาล (Governance) โดยเน้นการเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากพื้นที่ห่างไกล เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลางและท้องถิ่น โดยเฉพาะเรื่องที่ส่งผลดีต่อการทำธุรกิจ

ในปีหน้า อินเดียจะมีการเลือกตั้งใหญ่ และในปีนี้จะมีการเลือกตั้งระดับรัฐมากมาย ซึ่งหากกลุ่มรัฐบาลยังคงชนะการเลือกตั้งและบริหารประเทศอินเดียต่อ ก็เชื่อว่าการเติบโตของอินเดียจะต่อเนื่องเหมือนช่วงที่ผ่านมา