BBLAM Weekly Investment Insights 11-15 กันยายน 2023

BBLAM Weekly Investment Insights 11-15 กันยายน 2023

The Rise of Asia

INVESTMENT STRATEGY

By BBLAM

BBLAM แนะนำกองทุน

กองทุนลงทุนตราสารหนี้เน้นยืดหยุ่น : B-DYNAMIC BOND และ กองทุนลดหย่อนภาษี : B-DYNAMICRMF และ B-DYNAMICSSF 

กองทุนลงทุนหุ้นญี่ปุ่น : B-NIPPON 

กองทุนลงทุนอินเดีย : B-BHARATA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INDIAMRMF

กองทุนลงทุนในเทคโนโลยี แต่พยายามเฟ้นหาหุ้นเทคฯพื้นฐานดี มูลค่ายังน่าลงทุน : B-INNOTECH หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF

กองทุนลงทุนเน้นเทรนด์ที่จะมาในอนาคต เช่น AI : B-FUTURE หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF

Market & Economy

GLOBAL

By BBLAM

“ความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯที่ยังดูแข็งกร้าว ส่งผลให้ Earnings Yield ตราสารทุน และ ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีใกล้เคียงกันมากที่สุด ทำให้ผลตอบแทนตราสารทุนอาจไม่คุ้มเสี่ยงเมื่อเทียบกับพันธบัตร ผลตอบแทนที่ได้รับจากฝั่ง DM เป็นผลจากการปรับเพิ่ม P/E Multiples เป็นหลัก จะมีเพียงญี่ปุ่น และอินเดียที่มาจากEarnings Growth เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่ม ASEAN และจีน ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างจำกัดเพราะ Earnings Growth ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาด”

THAILAND

By BBLAM

“BBLAM มองว่า อัตราเงินเฟ้อไทยจะไม่ต่ำไปกว่าเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม และ ธปท. เองก็คาดว่าราคาอาหารจะขยับขึ้นต่อช่วงสิ้นปี และเปิดทางความเป็นได้ของการขึ้นดอกเบี้ย”

อัตราเงินเฟ้อของไทยขยายตัว 0.88% YoY เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากเดือนก่อนที่ 0.38% และเมื่อเทียบรายเดือนอัตราเงินเฟ้อพลิกกลับมาเป็นบวกได้ที่ 0.55% MoM จากเดือนก่อนที่หดตัว เป็นผลจากปรับเพิ่มขึ้นของหมวดอาหาร (ขยายตัว 0.74% YoY) เป็นหลัก นำโดย ข้าว  ไข่และผลิตภัณฑ์นม (ไข่ไก่ นมสด นมถั่วเหลือง) ผักและผลไม้สด (มะนาว ขิง กระเทียม เงาะ แตงโม ส้มเขียวหวาน) เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่วนราคาหมูยังคงปรับตัวลงในเดือนสิงหาคม เนื่องด้วยมีเนื้อหมูจากเพื่อนบ้านทะลักเข้ามาในไทย ส่วนกลุ่มราคาสินค้าในหมวดที่ไม่ใช่อาหารปรับตัวขึ้น 0.98% YoY จากกลุ่มเคหสถาน และ ค่าของใช้ส่วนบุคคล 

ส่วนอัตราเงินเฟ้อ YTD อยู่ที่ 2.0% AoA ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ขยายตัว 0.79% เป็นอัตราชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8

มองไปข้างหน้า BBLAM มองว่าอัตราเงินเฟ้อไทยไม่น่าจะต่ำไปกว่าช่วงเดือนมิถุนาย – กรกฎาคม แล้วเนื่องด้วย โดยมีปัจจัย ทีส่งผลบวกต่ออัตราเงินเฟ้อ ได้แก่ ราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้มที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งอุปสงค์ในประเทศที่อาจเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ สถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมาในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ปริมาณพืชผลการเกษตรและปศุสัตว์ลดลง ทำให้ราคาสินค้ากลุ่มอาหารและ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องสูงขึ้น เป็นผลให้อัตราเงินเฟ้อสิ้นปีอาจจะไต่ท้องช้างจากช่วงครึ่งปีแรกขึ้นไป ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์มองว่าอัตราเงินเฟ้อไทยในปี 2023 จะอยู่ในกรอบ 1-2% 

สำหรับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยในปัจจุบันแม้ตลาดจะคาดการณ์ว่า ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% แต่ด้วยผู้ว่า ธปท.ได้มีความเห็นว่าราคาอาหารอาจจะขยับขึ้นต่อช่วงสิ้นปี และ ธปท. ได้กล่าวเมื่อวันอังคารว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันยังไม่ใช่ระดับ Neutral Rate นั่นแปลว่า ธปท. ยังเปิดทางและมีความเป็นไปได้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะขยับขึ้นถ้าสถานการณ์เปลี่ยนในระยะข้างหน้า ทั้งนี้การประชุม กนง. ครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ย.นี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/11-15-2023